เมื่อหนุ่ม ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ และภรรยาสาวแสนสวย เอ๋ พรทิพย์ มาออกรายการ คุยแซ่บSHOW เคลียร์ปัญหาเรื่องทะเลาะกันหนักมากจนต้องไปหย่าเพื่อแก้เคล็ด 6 เดือน พร้อมกันนี้ได้เตรียมตัวที่จะมีลูกสาวอีกด้วย โดยหนุ่มป๋อ เล่าวว่า ช่วงที่ทะเลาะกันหนัก น่าจะเป็นช่วงที่ภูดิศประมาณ 2 ขวบ พูดจาไม่เข้าหู ยิ่งเคลียร์ยิ่งไปกันไม่ได้ ทะเลาะแต่เรื่องเดิมๆ จนคิดไปถึงว่าอาจจะมีการหย่า เพราะมันดูเหมือนไปไม่ได้ แต่เราก็คิดถึงลูก ดังนั้นจึงคุยกับเอ๋ ว่า คนที่จะเลิกกันตอนลูกขวบหรือ 2 ขวบทั้งนั้น จึงชวนกันไปไหว้พระ ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องในครอบครัวที่ไม่เคยพูดมาก่อน ซึ่งป๋อ เล่าว่า มีพระอาจารย์ที่นับถืออยู่ ไปไหว้พระแล้วสบายใจ จึงไปปรึกษาท่าน ท่านก็บอกว่างั้นก็ไปหย่าสิ อีก 6 เดือนค่อยมาแต่งกันใหม่ ตอนแรกผมก็คิดว่ามันต้องเป็นการแก้เคล็ดเป็นเรื่องไสยศาตร์แน่ๆ ผมเพิ่งมารู้ตอนหลังว่ามันเป็นกุศโลบายของท่าน เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องหย่ากันจริงๆ ตอนที่เราเซ็นต์มันเกิดความรู้สึกบางอย่างเหมือนกัน คือตอนนั้นผมรู้สึกกลัวไป กลัวเขาจะมีคนใหม่ กลัวเขาจะชอบชีวิตที่ไม่มีผม เราก็เลยทำข้อตกลงกันว่า หนึ่งคือเอ๋ห้ามมีคนอื่น สองเอ๋ห้ามไปเที่ยวและเปิดโอกาสให้ตัวเองมากเกินไป สามก็ต้องย้อนกลับมาข้อหนึ่งอีกคือเอ๋ต้องรักพี่คนเดียวเท่านั้นนะ ทั้งนี้ หลังเซ็นต์ใบหย่ากันแล้ว มันดีขึ้นมาก คือเหมือนท่านให้เราไปสัมผัสกับสถานการณ์จริง ว่าถ้าหย่ากันจริงๆ จะรู้สึกอย่างไร ตอนนั้นเราไม่อยากหย่า เพราะเรารักลูก เราไม่อยากให้พ่อไปทางแม่ไปทาง พอกลับมาเซ็นต์ใหม่เราเลยเลือกที่จะปรับตัวเอง ซึ่งในช่วง 6 เดือนที่เซ็นต์ใบหย่า ผมเปลี่ยนอะไรเขาไม่ได้เลย ควบคุมเขาไม่ได้สักอย่าง จึงเริ่มคิดได้ว่าในเมื่อเขาไม่สนใจเรา เราก็สนใจเขาแทน แล้วผมก็เริ่มเปลี่ยนตัวเอง โดยเริ่มจากลงรูปเขาสวยๆ รวมทั้งทุกเทศกาล อย่างคริสมาสต์ ปีใหม่ วาเลนไทน์ และยังมีวันเกิดผมจะรวบตึงแล้วจ่ายเช็ค 1 ใบ เป็นหลักล้านแน่นอน แต่ผมขอเอ๋อย่างเดียวว่าจะโพสต์อะไรก็ได้แต่อย่าโพสต์เงิน คือเราไม่อยากให้ใครมองว่าเราไม่ดี คือผมเห็นว่าเขาทำงานหนัก แล้วผมเคยซื้ออะไรให้เขา เขาก็ไม่ชอบ ก็เลยให้เป็นเช็คดีกว่า ให้ไปซื้อเอง ขณะที่สาวเอ๋ เล่าว่า ตอนที่ทะเลาะกันหนักนั้นถึงกับแยกห้องกันนอน คือเวลาที่พี่ป๋อเขาอารมณ์ไม่ดี เขาจะขึ้นเร็วและแรง เขาก็เลยไปนอนอีกห้องหนึ่ง ส่วนเอ๋นอนกับลูก เรื่องที่ทะเลาะกันเป็นเรื่องจุกจิก คือเอ๋เป็นคนเลี้ยงลูกเองด้วย เราก็จะเหนื่อย และงอนว่าทำไมเขาไม่เข้าใจเรา จนตอนที่ฟังข้อตกลงเรื่องที่เซ็นต์ใบหย่าแก้เคล็ด 6 เดือน เอ๋ก็งงมาก เพราะปกติเขาเป็นคนแข็งๆ เขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้เลย แต่ก็รู้สึกว่าดีเหมือนกันเพราะเขาจะได้รู้ว่าผู้หญิงไม่ใช่คนที่จะต้องเป็นฝ่ายยอมอย่างเดียว แต่เอาจริงๆ ก็คือเขาก็รักเรานั่นแหละ ส่วนตอนที่ไปเซ็นต์ใบหย่าเราก็รู้สึกสั่นๆ เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เรารู้อยู่แล้วว่าอีก 6 เดือน อย่างไรก็ต้องกลับมาจดทะเบียนกันอีกที ตอนนั้นรู้สึกแป้วๆ ว่าจริงเหรอ แล้วก็คิดต่อว่าถ้าอนาคตเรายังทะเลาะกันเหมือนเราแล้วเราจะกลับมาจดทะเบียนกันอีกไหม ซึ่งหลังจากเซ็นต์ใบหย่าแก้เคล็ดนั้น เขาเปลี่ยนเราก็งงและเริ่มกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า คือจากคนที่ไม่เคยลงรูปเอ๋เลย ไม่เคยถ่ายรูป ไม่เคยขอรูป ไม่อะไรทั้งสิ้น ตอนนี้มีหมด บางทีเอ๋ยังไม่ได้ลงเลย เขาก็เอารูปเราไปลง ช่วง 6 เดือนที่หย่ากันพี่ป๋อเปลี่ยนแทบทุกอย่าง จากเป็นคนที่รักตัวเอง เขาก็ทำให้เราเห็นว่าเขารักเรา จากที่ชอบดูทีวี ชอบดูหนังก็ดูน้อยลง มาช่วยดูลูกมากขึ้น เรารู้สึกได้เลยว่าเขาใส่ใจเรามากขึ้น จนเมื่อกลับมาเซ็นต์ใบแต่งอีกครั้ง หนุ่มป๋อ ได้เล่าว่า บรรยากาศเริ่มดีขึ้น เพราะ 6 เดือนที่ผ่านมาเราเริ่มไม่ทะเลาะกันแล้ว แล้วเราก็ได้ข้อคิดว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ คนข้างนอกอาจจะมองว่าครอบครัวเราดี ก็ยอมรับว่าบางครั้งมันก็เป็นภาพที่เราสร้างขึ้นมา คนเราคงไม่มีใครลงเรื่องไม่ดีให้คนอื่นเห็นหรอก แต่ทุกคนก็ต้องเจอปัญหาในการใช้ชีวิตทุกครอบครัวต่างมีปัญหาของตัวเอง อยู่ที่ว่าเราจะใช้สติฝ่าฟันไปได้อย่างไร เอ๋ : เอ๋ว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะลูกด้วย แล้วเราก็คบกันมานาน ที่สำคัญเอ๋คิดว่าการที่เราจะไปเริ่มกับใครใหม่มันไม่ได้หมายความว่ามันจะโอเคแล้วไปได้ตลอดรอดฝั่ง ในเมื่อเรารักกันอยู่แล้วเราก็มาปรับจูนกันดีกว่า แต่เอ๋ขอเขานะ ว่าพี่เอ๋ขอใช้นางสาวได้ไหม แต่เขาไม่ให้ ทั้งนี้ เอ๋ ยังเล่าถึงการเตรรียมตัวที่จะมีลูกสาว ว่า ตอนแรกเอ๋ก็อยากได้ เพราะเราแพลนกันว่าลูกคนที่สองเราอยากได้ผู้หญิงแต่เขาเป็นผู้ชายเสียก่อน พอเราเลี้ยงไป 2 คนแล้ว คือเราเหนื่อย เราก็เลยรู้สึกว่าถ้ามีอีกคนเราคงไม่ไหว ส่วน ป๋อ บอกว่า อยากมีเพราะเราเล่นกับลูกคนอื่นแล้วรู้สึกน่ารัก เพราะผู้หญิงจะอ้อนพ่อ แล้วตอนนี้เราก็เริ่มผ่านช่วงยากๆ มาแล้ว ลูกๆ เริ่มโตแล้ว ขณะที่ลูกชายทั้ง 2 คน จะนิสัยแตกต่างกัน โดย เอ๋ บอกว่า อย่างภูดิศจะติสนิดหนึ่ง จะคล้ายพี่ป๋อเลย ส่วนเภาจะเป็นคนอารมณ์ดี ง่ายๆ ถามว่าเขาทะเลาะกันไหมทะเลาะกันประจำ โดย ป๋อ เล่าว่า เคยไปเป็นกรรมการห้าม สุดท้ายเขาก็ตีกันต่อไป เอ๋ บอกว่า ล่าสุดเพื่อนเอ๋ไปเรียนจิตวิทยามา เขาก็บอกให้เราลองทำ เวลาเขาตีกันปุ๊บเอ๋จะอยู่ห่างๆ เพราะ เขาทะเลาะกันเพื่อเรียกร้องเรา เข้าไปห้ามเพื่อที่เราจะห้ามใครสักคน คือถ้าเราห้ามพี่ คนน้องก็จะเสียใจ เราก็เลยปล่อยให้เขาตีกันไปก่อน ตีให้จบดูสถานการณ์ว่าเขาจะทำอย่างไร สุดท้ายเขาก็คุยกันเองว่าขอโทษก็ได้ สุดท้ายก็จบด้วยดี เราก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ขอขอบคุณรูปภาพประกอบจากอินสตาแกรม aey_pornthip