โครงการเมกาซิตี้ (Megacity) โดยบริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด โปรเจ็คอสังหาริมทรัพย์รูปแบบ “มิกซ์ ยูส” บนพื้นที่กว่า 400 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด เมืองขนาดใหญ่สำหรับการใช้ชีวิตแบบครบวงจร ซึ่งมีเมกาบางนาเป็นศูนย์กลาง ล่าสุดได้อัปเดตความคืบหน้าของโครงการ ดึงพันธมิตรยักษ์ใหญ่อย่าง ท็อปกอล์ฟ จากประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างสปอร์ต แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ในรูปแบบใหม่ ที่ผสานดิจิทัลเทคโนโลยีกับกีฬากอล์ฟ และเอ็นเตอร์เทนเมนท์ไลฟ์สไตล์แบบเต็มรูปแบบแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่รวมกว่า 29 ไร่ของโครงการเมกาซิตี้ ตอกย้ำความเป็น The Great Meeting Place ที่ครบวงจรและสมบูรณ์แบบที่ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยท็อปกอล์ฟ ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างและจะพร้อมเปิดให้บริการในกลางปี 2565 น.ส.ปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา และโครงการเมกาซิตี้ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทได้ประกาศเริ่มต้นโครงการเมกาซิตี้ โปรเจ็คอสังหาริมทรัพย์รูปแบบ “มิกซ์ ยูส” ภายใต้งบลงทุนรวมกว่า 67,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีศูนย์การค้าเมกาบางนาเป็นศูนย์กลาง พร้อมด้วยพื้นที่สำหรับอยู่อาศัย สำนักงาน แหล่งช็อปปิ้ง รวมทั้งสถานที่ให้ได้ใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย โดยเป็นโครงการระยะยาวแบ่งการพัฒนาเป็นหลายเฟส ซึ่งปัจจุบันมีการใช้พื้นที่ไปแล้ว 300 ไร่ โดยเป็นพื้นที่ของศูนย์การค้าเมกาบางนา 200 ไร่ ขณะเดียวกันได้มีการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ส่วนต่อขยายเมกา ฟู้ดวอล์คที่มาพร้อมกับที่จอดรถ 1,200 คัน และและอาคารจอดรถอิเกีย 8 ชั้นที่เชื่อมต่อกับตึกเดิมของอิเกียรองรับรถได้ถึง 2,000 คัน ซึ่งทำให้เราสามารถรองรับรถได้มากถึง 12,000 คัน ส่วนต่อขยายโซนเมกา สมาร์ท คิดส์ สวนสาธารณะเมกา พาร์ค โรงเรียนประถมศึกษานานาชาติดิษยะศริน กรุงเทพ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ โดย อารียา พรอพเพอร์ตี้ “ความร่วมมือกับ ท็อปกอล์ฟ ในครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ของธุรกิจศูนย์การค้า ซึ่งเรามั่นใจว่า ท็อปกอล์ฟ จะมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงการเมกาซิตี้ และเป็นการตอกย้ำความเป็น The Great Meeting Place ที่เป็นมากกว่าสถานที่ช็อปปิ้ง พร้อมจะรองรับลูกค้าจากทุกพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกเท่านั้น แต่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม จากทุกพื้นที่ รวมถึงลูกค้าจากในเมือง” ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพของลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้าใช้บริการถึง 50 ล้านคนต่อปี เป็นกลุ่มครอบครัวที่มีกำลังซื้อสูง เป็นฐานลูกค้าที่มีศักยภาพจะช่วยต่อยอดเป้าหมายทางธุรกิจให้กับ ท็อปกอล์ฟ ได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการในโครงการเมกาซิตี้ถึงวันละ 250,000 คน และ ท็อปกอล์ฟ จะเป็น Destination ใหม่ที่โดดเด่นและแตกต่างจากที่อื่น ด้วยแนวคิดที่ผสานทั้งกีฬากอล์ฟ และเอ็นเตอร์เทนเมนท์ไลฟ์สไตล์เต็มรูปแบบแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆได้อย่างแน่นอน โดยการนำเสนอประสบการณ์ความบันเทิงระดับไอคอนิกแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนรุกขยายธุรกิจของเราเพื่อมอบช่วงเวลาอันน่าประทับใจแก่ผู้ที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟ รวมไปถึงบุคคลทั่วไปที่แม้จะไม่ได้เล่นกอล์ฟก็ตาม โดยลูกค้ามากกว่า 20 ล้านคนจากทั่วโลกได้ใช้บริการของท็อปกอล์ฟเกือบ 70 แห่งในแต่ละปี ทั้งที่ลาสเวกัสไปจนถึงโกลด์โคสต์ ออสเตรเลีย และจากไมอามีไปจนถึงดูไบ เราจึงมั่นใจว่าการนำเสนอแหล่งสังสรรค์ในแบบฉบับท็อปกอล์ฟจะเป็นที่ถูกใจลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน”นายแอนดรูว์ นาธาน กรรมการผู้จัดการ ทีจี เอสอีเอ ดีเวล็อปเมนต์ กล่าว นายทิม โบดา ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ท็อปกอล์ฟ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ไม่ว่าคุณจะเป็นนักกอล์ฟตัวจริงหรือผู้เล่นหน้าใหม่ในเกมกีฬาชนิดนี้ ก็จะหลงรักการใช้เวลาว่างที่ดีร่วมกัน ทั้งครอบครัวและเด็ก ๆ จะได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับเกมต่างๆ มากมาย ในขณะที่นักกอล์ฟจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีการติดตามผลและการวิเคราะห์วงสวิงเพื่อช่วยเพิ่มประสบการณ์และปรับปรุงการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ ห้องประชุมของเรามีทางเลือกที่หลากหลายรูปแบบให้บริษัท เพื่อเป็นวิธีใหม่ในการประชุม พบปะสังสรรค์ และเลี้ยงฉลองในวาระต่างๆร่วมกัน โดยท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ซึ่งจะเปิดใหม่นี้ มีแผนที่จะว่าจ้างงานบุคลากรมากกว่า 400 คน เป็นศูนย์รวมความบันเทิงสูง 3 ชั้นครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 47,000 ตารางเมตร (29 ไร่) ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่เกือบเท่ากับสนามฟุตบอล 7 สนามรวมกัน รวมถึงฮิตติ้งเบย์กลางแจ้งถึง 98 ช่อง พร้อมที่นั่งแสนสะดวกสบายรองรับผู้เล่นกว่า 600 คนไว้คอยบริการตลอดวัน ภายในศูนย์รวมความบันเทิงแห่งนี้ยังมีบาร์และร้านอาหารที่หลากหลาย ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่และอื่นๆอีกมากมาย แขกผู้มาเยือนสามารถเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่มคุณภาพสูงหลากหลายรายการ นับตั้งแต่อาหารอเมริกันคลาสสิกไปจนถึงอาหารไทยรสเลิศ โดยเลือกวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมจากในประเทศที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันโดยเชฟ ทั้งนี้ด้วยศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจของย่านบางนา ซึ่งมีการขยายตัวด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทฯ ได้เปิดกว้างในรูปแบบของการลงทุนในโครงการเมกาซิตี้ ทั้งการซื้อที่ดิน การเช่าระยะยาว และการพัฒนาโครงการตามความต้องการสำหรับนักลงทุน และพันธมิตรธุรกิจ ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มีเป้าหมายและวิสัยทัศน์เหมือนกัน เพื่อร่วมกันสร้างให้โครงการเมกาซิตี้เป็นจุดนัดพบที่ยิ่งใหญ่ และครบวงจรอย่างแท้จริงที่รองรับลูกค้าได้จากทุกพื้นที่ และทุกกลุ่มวัย โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์ของนักลงทุนได้อย่างดี รวมถึงโปรเจ็กต์ของภาครัฐที่กำลังจะพัฒนาเข้ามาในพื้นที่ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเหลือง รถไฟฟ้ารางคู่บางนา-สุวรรณภูมิ และสนามบินนานาชาติ และอีกทั้งอยู่ใกล้โซน EEC อีกด้วย “ศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการ โครงสร้างสาธารณูปโภค และกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อที่เดินทางมาใช้บริการที่ศูนย์การค้าเมกาบางนาอยู่แล้ว โดยตั้งแต่เราได้เปิดตัวโครงการเมกาซิตี้ เราได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันเป็นจำนวนมาก และเราเชื่อมั่นว่ายังมีอีกหลายองค์ประกอบที่จะสามารถเติมเต็มความสมบูรณ์ของเมกาซิตี้ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของโซนกรุงเทพตะวันออกด้วยกัน”น.ส.ปพิตชญา กล่าวสรุป