แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอาญามาตรา 112 แต่ในจังหวะที่บรรดาแกนนำม็อบทั้งหลายถูกดำเนินคดีตามมาตราดังกล่าวต้องติดคุกกันระนาวก่อนหน้านี้
หมายเรียกของพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง จึงเปรียบดั่งสำนวน “ลมพัดใบไม้ไหว”!!
แม้จะเป็นเพียงการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากกรณีไลฟ์เฟซบุ๊ก "วัคซีนพระราชทาน : ใครได้ใครเสีย?"เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนโดยรัฐบาลไทย ภายใต้ความร่วมมือกับ บริษัท สยาม ไบโอไซเอนซ์ ที่อาจนำไปสู่การบริหารจัดการที่ผิดพลาด การได้วัคซีนที่ล่าช้า และอาจส่งผลเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้
ซึ่งเป็นการส่งฟ้องคนละสำนวนกับคดีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือ DES เคยฟ้องร้องดำเนินคดีพร้อมกับขอให้ศาลสั่งถอดไลฟ์ออกจากระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งในคดีดังกล่าวศาลได้วินิจฉัยแล้วว่าไม่ได้ผิดมาตรา 112 หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จึงยกคำร้องให้คดีเป็นที่สิ้นสุดไปแล้วก็ตาม ซึ่งหลังจากนี้พนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไปประกอบการพิจารณาแล้ว ว่าจะดำเนินการสั่งฟ้องหรือไม่
“ผมยืนยันว่ามีความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกหมายเรียก ส่วนกฎหมายอาญามาตรา 112 ผมต้องการฝากถึงประชาชนว่า ให้ตระหนักว่าปัจจุบันกฎหมายข้อนี้ นำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง”
กระนั้น ในห้วงเวลาที่ม็อบเด็กเริ่มฝ่อ แกนนำในคุกอยู่ในห้วงอารยะขัดขืน อดข้าวประท้วง แต่ในขณะที่แกนนำบางกลุ่ม อันประกอบไปด้วย สมยศ พฤกษาเกษมสุข จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน และปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ เสนอเงื่อนไขหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จะไม่พูดพาดพิงกับสถาบันอีก ในขณะที่เพจต่างๆในเครือของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างระดมเงินบริจาค ทำให้มีการจับตาว่า หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว กลุ่มบุคคลเหล่านี้อาจเลือกที่จะหลบหนีคดี ตามช่องทางธรรมชาติ
เมื่อแกนนำบางส่วนต้องอยู่ในคุก และแกนนำบางส่วนอาจเลือกที่จะหลบหนี หากได้รับการประกันตัวชั่วคราว แรงเสียดทานจึงกลับมาอยู่ที่ “ธนาธร” อย่างปฏิเสธไม่ได้
โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่เขาประกาศทำสงครามแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง ด้วยการรณรงค์รวบรวมรายชื่อประชาชนทั่วประเทศ
ยิ่งผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีในวันที่28มีนาคมที่ผ่านมา ตอกย้ำว่า “ไพ่ในมือ” แทบไม่เหลืออะไรให้ต่อรอง
ด้วยแม้จะได้รับเลือกตั้งมา16คน จากที่มีการส่งผู้สมัครทั้งหมด107คนหรือคิดเป็นร้อยละ15แต่ก็เป็นระดับเทศบาลตำบลซึ่งเล็กมาก ดังนั้นจึงไม่ต่างอะไรกับการพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แม้จะปักธงได้ แต่ไม่อาจมั่นใจว่าจะรักษาฐานและยืนระยะได้นานแค่ไหน
เมื่อมองสถานการณ์ของ “ธนาธร” ในยามนี้ จึงแทบไม่เหลือแต้มต่อใดๆ ท่ามกลางกระแสข่าวลอยลมมาว่า แม้ฉากหน้าจะสู้ยิบตา แต่ฉากหลังมีความพยายาม ที่จะติดต่อขอเจรจา เตรียมหมอบทิ้งไพ่!!