CPW เปิดแผนธุรกิจในปี 64 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20% จากปีก่อน สินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์กลับมาเติบโต จากการที่สินค้าในกลุ่มสมาร์ทดีไวซ์ได้รับการตอบรับ และ 5G เข้ามาเขย่าตลาดเทคโนโลยี ปีนี้เตรียมขยายสาขาเพิ่มอีก 7 สาขา ประเดิมไตรมาส 2/64 เปิด 2 สาขาในรูปแบบ U-Store จาก ณ สิ้นปี 63 มีร้านค้าปลีกภายใต้การบริหาร 47 สาขา นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20% จากปีก่อน โดยมองว่าสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์จะมีโอกาสกลับมาสร้างการเติบโตได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นแรงสนับสนุนทำให้สินค้าไอทีมีความต้องการมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G คาดช่วยผลักดันยอดขายให้มีโอกาสเติบโตทั้งในส่วนของสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และสินค้าภายใต้แบรนด์ Apple ซึ่งปัจจุบันถือเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ ขณะที่การกลับมาของสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา ไม่กระทบธุรกิจ เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนเตรียมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเข้มงวดตามมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด พร้อมขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ควบคู่แบบออฟไลน์ (O2O) สำหรับแผนการขยายสาขาในปี 2564 บริษัทฯ วางแผนเปิดสาขาใหม่ 7 สาขา ซึ่งเบื้องต้นในไตรมาส 2 นี้ คาดเปิด 2 สาขาในรูปแบบ U-Store และช่วงไตรมาส 4/2564 คาดเปิด iStudio อีก 1 แห่ง ที่ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล ศรีราชา ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการเจรจาหาพื้นที่ นอกจากนี้ บริษัทได้นำสินค้ากลุ่ม Apple เข้าไปวางจำหน่ายในร้าน .life ทั้ง 23 สาขา เพิ่มเติม Product Mix ภายในร้านให้แข็งแกร่ง และสร้างยอดขายสินค้ากลุ่ม iPhone และดีไวซ์ที่รองรับ 5G ได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามาของ 5G คาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายให้มีโอกาสเติบโต ทั้งในส่วนของสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ยี่ห้อต่างๆ และสินค้าภายใต้แบรนด์ Apple โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมีร้านค้าปลีกภายใต้การบริหารงานจำนวน 47 สาขา จากปี 2562 มีจำนวน 42 สาขา ประกอบด้วย ร้าน .life (ดอทไลฟ์) จำนวน 23 สาขา ร้าน Apple Brand Shop จำนวน 18 สาขา (แบ่งเป็น iStudio by copperwired จำนวน 14 สาขา U-Store by copperwired จำนวน 3 สาขา และ Ai_จำนวน 1 สาขา) และศูนย์บริการ iServe จำนวน 6 สาขา “มั่นใจว่า CPW ในปี 2564 จะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และยังเป็นธุรกิจที่รับเทรนด์ในตลาดโลก ผู้บริโภคให้การตอบรับสินค้าเทคโนโลยีรวมไปถึงสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์มากขึ้น ปัจจุบันยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้พบว่ายังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ Apple โดยเฉพาะ iPhone12 ที่ปี 2563 มีการเลื่อนเปิดตัวจากเดือนต.ค. เป็นเดือนพ.ย. เช่นเดียวกับ iPad ที่ยังคงได้รับความนิยมไม่แพ้กัน จนทำให้ปัญหาสินค้า iPad ขาดตลาดในบางรุ่น ขณะที่ iPhone เริ่มคลี่คลายแล้ว”