นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญวันที่7-8เมษายน เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประชามติที่กำลังพิจารณาค้างคาอยู่ ว่า หลังจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประชามติ ในมาตรา9 และมีการลงมติแพ้โหวตให้แก่คณะกรรมาธิการวิสามัญเสียงข้างน้อย ทำให้รัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภาเสียหน้าและไม่สามารถที่จะเอาคืนได้ แม้จะพยายามที่จะเสนอทบทวนให้ลงคะแนนใหม่ ในมาตรา9แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นผล จึงจำเป็นให้การพิจารณา พรบ. ประชามติต้องนำเดินหน้าต่อไป สำหรับทางออก หรือจุดจบของพรบ.ประชามติฉบับนี้ น่าจะมีอยู่ 3 แนวทางคือ 1.เมื่อพิจารณา พรบ.ประชามติ ในวาระ2เสร็จสิ้นแล้ว ก็จะลงมติคว่ำร่าง พรบ.ฉบับนี้ในวาระ3 ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะ พรบ.ประชามติ เป็นกฎหมายสำคัญ ที่เสนอโดยรัฐบาล ถ้ากฎหมายฉบับนี้ถูกคว่ำไป รัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยการยุบสภาหรือลาออกเท่านั้น 2.เมื่อที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา พรบ.ประชามติ ฉบับนี้เสร็จสิ้นแล้ว ก็จะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ และมีความเป็นไปได้สูง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญจะทำให้ พรบ.ประชามติ ตกไป จะมีผลกระทบต่อการทำประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ต้องล่าช้าออกไป 3.มีมติผ่านวาระ3ไปก่อน เมื่อมีการประกาศใช้พรบ.ประชามติ ฉบับนี้แล้วรัฐบาลก็จะรีบเสนอ พรบ.แก้ไขในทันที ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาแบบศรีธนญชัย ซึ่งจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างกว้างขวางแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าแนวทางแก้ปัญหาของ พรบ.ประชามติ ฉบับนี้จะออกมาทางไหนก็ตาม ความเสียหายทางการเมือง ก็จะเกิดขึ้นกับรัฐบาลทุกแนวทาง ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะตัดสินใจเลือกแนวทางไหน ที่สร้างความเสียหายทางการเมืองให้กับรัฐบาลน้อยที่สุด