สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “แอสตราเซเนกา” บริษัทยาและชีวเภสัชภัณฑ์ ประเทศอังกฤษ เปิดเผยผลการวิเคราะห์ข้อมูลหลังการทดลองครั้งใหญ่เกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งมีขึ้นในประเทศสหรัฐฯ โดยระบุว่า วัคซีนที่พวกเขาวิจัยพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ มีประสิทธิภาพด้านการป้องกันเชื้อไวรัสได้ในอัตราร้อยละ 76 ซึ่งลดลงจากการเปิดเผยในข้อมูลชุดก่อนที่ร้อยละ 79 จนถูกวิพากษ์วิจารณ์เมื่อช่วงก่อนหน้า
โดยนายเมน แพงกาลอส รองประธานบริหารฝ่ายวิจัยและพัมนาชีวเภสัชภัณฑ์ของแอสตราเซเนกา เปิดเผยว่า ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นสอดคล้องกับผลวิเคราะห์ก่อนการวิจัยสิ้นสุดตามที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ ส่วนประสิทธิภาพด้านการป้องกันโรคโควิดฯ ในกลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป อยู่ที่ร้อยละ 65 ก่อนย้ำทิ้งท้ายว่า วัคซีนขนานของแอสตราเซเนกา/มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มีประสิทธิภาพด้านการป้องกันโรคโควิดฯ ในหมู่ผู้ใช้ที่เป็นผู้ใหญ่
รายงานข่าวแจ้งว่า ถึงแม้วัคซีนขนานของแอสตราเซเนกา/มหาวิทยาลัยออกว์ฟอร์ด มีประสิทธิภาพด้านป้องกันโรคน้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับวัคซีนขนานของบริษัทไฟเซอร์ สหรัฐฯ ที่วิจัยพัฒนาร่วมกับบริษัท ไบโอเอ็นเทค เยอรมนี แต่ได้รับการจับตามองในฐานะวัคซีนขนานสำคัญสำหรับรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ เนื่องจากการจัดเก็บง่ายกว่า และต้นทุนการผลิตน้อยกว่า