"นายกฯ"สั่งเร่งจับคนโกงแลกเงินสิทธิ์โครงการรัฐ เตือนผู้กระทำผิดให้หยุดก่อนถูกระงับสิทธิ์-ดำเนินคดี ขณะที่"ขุนคลัง"ลั่นขอปราบร้านค้าทุจริตให้สิ้นซาก ก่อนออก"คนละครึ่ง"เฟส 3 ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 มี.ค.64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมายังมีประชาชนและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเยียวยา และกระตุ้นเศรษฐกิจที่กระทำการทุจริต ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงได้มีการจัดตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลเรื่องอุทธรณ์สำหรับโครงการคนละครึ่ง และคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะอย่างจริงจัง ในกรณีที่มีพฤติกรรมการใช้จ่ายวงเงินตามสิทธิ์ที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เช่น การแลกวงเงินสิทธิ์เป็นเงินสด เป็นต้น โดยเปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถร้องเรียนผ่าน e-mail หรือไปรษณีย์ เพื่อตรวจสอบ รวมทั้งร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ากระทำความผิดจริงจะดำเนินการระงับสิทธิแอปพลิเคชันถุงเงิน เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป นายอนุชา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการและกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ติดตาม ตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวอย่างจริงจัง เนื่องจากการกระทำผิดดังกล่าวขัดต่อวัตถุประสงค์ของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือเยียวยา ลดภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ที่ผู้ค้ารายย่อยและผู้บริการทั่วๆไปจะได้ดำเนินกิจกรรมต่อไปได้ ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การดำเนินโครงการคนละครึ่งเฟส 3 หลังจากโครงการเฟส 2 จะสิ้นสุดระยะเวลาโครงการในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ขอเวลาประเมินผลก่อน อยากจะจัดการเรื่องร้านค้าทุจริตให้เรียบร้อยก่อน โดยตอนนี้มีคนเอาเปรียบหรือร้านค้าที่ถูกดำเนินคดีและถูกจับตาจากภาครัฐที่ส่อจะเกิดการทุจริตอยู่จำนวนหลายร้อยร้านค้า ซึ่งในเรื่องนี้กระทรวงการคลังอยากจะหาวิธีทำให้รัดกุมมากขึ้นก่อนจะเปิดโครงการคนละครึ่งในระยะที่ 3 ต่อไป