รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า...สถานการณ์ทั่วโลก 24 มีนาคม 2564...ฝรั่งเศสแซงสหราชอาณาจักรขึ้นอันดับ 5 เรียบร้อยแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 500,816 คน รวมแล้วตอนนี้ 124,739,240 คน ตายเพิ่มอีก 10,482 คน ยอดตายรวม 2,744,398 คน อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 64,218 คน รวม 30,624,650 คน ตายเพิ่มอีก 878 คน ยอดตายรวม 556,635 คน บราซิล ติดเพิ่ม 82,493 คน รวม 12,130,019 คน วันเดียวตายเพิ่มสูงถึง 3,251 คน มากที่สุดในโลก ขณะนี้ยอดเสียชีวิตรวม 298,676 คน อินเดีย ติดเพิ่ม 47,294 คน รวม 11,733,594 คน อัตราการติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รัสเซีย ติดเพิ่ม 8,457 คน รวม 4,474,610 คน ฝรั่งเศส แซงขึ้นมาอันดับ 5 ติดเพิ่มอีก 14,678 คน รวม 4,313,073 คน ขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อต้องนอนโรงพยาบาลอยู่ถึง 26,756 คน และนอนไอซียูอยู่ถึง 4,634 คน ถือเป็นสูงสุดในปีนี้ของฝรั่งเศส อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน ตุรกี และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน โดยตุรกีนั้นระบาดรุนแรงขึ้น คาดว่าจะแซงสเปนได้ในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า ในขณะที่แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพัน ญึ่ปุ่น ไทย และเกาหลีใต้ ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนเมียนมาร์ สิงคโปร์ ฮ่องกง และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่จีน และออสเตรเลีย ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ ภาพรวมของโลกถือว่าเป็นขาขึ้นของระบาดระลอกสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องจับตามองคือประเทศที่มีจำนวนประชากรมาก เช่น อินเดีย (1,300 ล้านคน) บราซิล (211 ล้านคน) ปากีสถาน (220 ล้านคน) บังคลาเทศ (164 ล้านคน) ตุรกี (82 ล้านคน) กลุ่มประเทศยุโรป รวมถึงสแกนดิเนเวียน ก็หนักหน่วงไม่แพ้กัน ล่าสุดทางเนเธอร์แลนด์ขยายล็อคดาวน์ไปอีกสามสัปดาห์ เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาพบอัตราการติดเชื้อเพิ่มถึง 16% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า และมีจำนวนคนที่ต้องนอนโรงพยาบาลและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นชัดเจน ที่น่าสนใจคือ พบว่าหลังจากมีการเปิดโรงเรียนบางส่วน ส่งผลให้มีการติดเชื้อในกลุ่มเด็กอายุ 13-17 ปีเพิ่มขึ้น 29% และอายุตั้งแต่ 12 ปีลงมา เพิ่มขึ้น 23% สำหรับสถานการณ์ของไทยเรา การระบาดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง กระจายตัวไปทั่ว ไม่ได้จำกัดตามสถานที่ใดสถานที่หนึ่งแต่มีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นประชาชนจึงควรตระหนักรู้ว่าปัจจุบันไม่ปลอดภัย จำเป็นต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร...ไม่ใช่เวลาตะลอนท่องเที่ยวพบปะสังสรรค์ เลี่ยงที่แออัดที่ชุมนุมที่อโคจร และคอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ควรหยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจรักษา เหยียบคันเร่งเศรษฐกิจท่องเที่ยวตอนนี้ ควบคู่ไปกับการลดวันกักตัว ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดที่คุมไม่ได้ จะมีโอกาสระบาดซ้ำรุนแรง และอาจเจอสายพันธุ์ไวรัสกลายพันธุ์เข้ามาระบาดในไม่ช้า สิ่งที่ควรทำคือ การชะลอนโยบายนำความเสี่ยงเข้าสู่ประเทศ คงการกักตัว 14 วัน เพิ่มศักยภาพของระบบการตรวจคัดกรองโรค และการลดทิฐิตัวกูของกู จัดหาอาวุธป้องกันที่มีประสิทธิภาพเข้ามาใช้ เสริมกับของเดิมที่มี ด้วยรักและปรารถนาดี ขอขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat