วันที่ 22 มี.ค.64 ที่ สภ.เมืองพัทยา พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือ ศปชก.ตร พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาการ ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง รอง ผบช.ภ.1 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม./หน.ชุดปฏิบัติการ ศปชก.ตร. ที่ 2 แถลงข่าว จับกุมคนร้ายต่างชาติที่มีลักษณะเป็นเครือข่ายให้กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติโดยการ ปลอมเอกสารทางการเงิน และ การใช้ระบบการเงินออนไลน์ข้ามชาติ จำนวน 2 คดี พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่าตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ตั้งศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปชก.ตร) โดยมีพล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการ ศปชก.ตร., พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาการ ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง รอง ผบช.ภ.1 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม./หน.ชุดปฏิบัติการ ศปชก.ตร. ที่ 2 ดำเนินการตรวจสอบบุคคลที่กระทำผิดกฎหมาย กระทบต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคน ไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด โดยมีผลการปฏิบัติในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรายแรก เจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร. ในส่วน ภ.2, ภ.จว ชลบุรีและ กก.สส.บก.ตม.3 นำหมายค้นศาลจังหวัดพัทยา ที่ 50/2564 ลงวันที่ 20 มี.ค.64 ให้เข้าตรวจค้นบ้านจับกุม Miss Irina Prokasheva หรือ นางไอรีน่า โปรคาเชว่า อายุ 59 ปีถือหนังสือเดินทางหมายเลข 721321365 สัญชาติรัสเซีย และ Mr.Alexey Luptov หรือ นายอเล็กซี่ ลูปตอฟ อายุ 63 ปีถือหนังสือเดินทางหมายเลข 721318094 สัญชาติรัสเซีย พร้อมของกลาง เป็นธนบัตรไทย และ สำเนาหนังสือเดินทาง รวมถึงเอกสารรับรองจากธนาคาร SBERBANK ใน ประเทศรัสเซีย ระบุชื่อชาวรัสเซียจำนวนมาก พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากชุดจับกุมสืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มีพฤติการณ์ลักลอบปลอมเอกสารรับรองทางการเงินจากธนาคารในรัสเซีย ผ่านระบบ online ชื่อ VK.com ซึ่งเป็นเว็บไซด์ขายอาหารบังหน้า โดยจะออกเอกสารปลอมดังกล่าว เพื่อให้ลูกค้าชาวรัสเซียซึ่งประสงค์จะทำวีซ่าประเภทใช้ชีวิตบั้นปลายที่อยู่ในประเทศไทย นำไปยื่น กับสถานทูตรัสเซียในไทย เพื่อให้สถานทูตออกหลักฐานรับรอง นำไปยื่นต่อ จนท.ตรวจคนเข้าเมือง ทำเรื่องขออยู่ต่อฯ ต่อไป โดยเหตุที่ต้องออกเอกสารธนาคารปลอมเนื่องจาก ชาวรัสเซียที่ขออยู่ต่อฯ ไม่มีเงินในธนาคารตามที่ ตม.ไทย กำหนดคือไม่ต่ำกว่า 800,000 บาท หรือ 65,000 บาทต่อเดือน โดยผู้ต้องหาได้ทำเอกสารรับรองเงินรายได้ 170,341.50 รูเบิล (ประมาณ 70,765 บาท) ผู้ต้องหาจึงได้ทำเอกสารปลอมโดยคิดค่าใช้จ่ายรายละ 2,000 บาท ซึ่งมีข้อมูลทางการข่าวว่า พฤติการณ์ดังกล่าว เสี่ยงต่อการที่กลุ่มอาชญากรชาวรัสเซีย ใช้เป็นช่องทางการขออยู่ต่อเพื่อสร้างอิทธิพลในกลุ่ม ชาวรัสเซีย โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น พัทยา โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา "เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต "ตาม พรบ.การทำงานคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 และ เข้าข่าย มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อย และ ความมั่นคง ฯ บุคคลต่างด้าวต้องห้าม ตาม พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 นำส่ง พงส.สภ.เมืองพัทยา และจะขยายผลสืบสวนจับกุมกลุ่มชาวรัสเซียที่ใช้เอกสารปลอม ขออยู่ต่อของผู้ต้องหา พร้อมกับประสานสถานทูตรัสเซีย เพื่อป้องกันการกระทำผิดดังกล่าว พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่า สำหรับรายที่ 2 ศปชก.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 2 นำหมายค้นศาลแขวงพระนครใต้เข้าตรวจค้นเข้าจับกุม นาย Xudong Zhao กับพวกรวม 8 คน ที่ห้องพักในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ย่านถนนสาทร 11 แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. โดยสืบทราบว่า มีกลุ่มคนสัญชาติจีนเช่าห้องพักลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการบุกตรวจค้นพบกลุ่ม คนสัญชาติจีน ดังกล่าวกำลังใช้งานระบบคอมพิวเตอร์โดยเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับเว็ปพนันออนไลน์โดยรับว่า มีหัวหน้าชาวจีนสั่งการตรงจากประเทศจีน เพื่อให้ทำระบบการพนันออนไลน์โดยมีลูกค้าจากประเทศจีนจำนวนมากและกำลังขยายการเชื่อมโยงไปยังหลายประเทศ โดยอาศัยช่วงสถานการณ์โควิด เป็นโอกาสใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการเชื่อมโยงและรับค่าจ้างเป็นรายเดือนแล้วแต่ความยากง่ายของงาน นอกจากนั้น พบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 8 มีสถานะอยู่ในประเทศเกินกำหนดอนุญาต หรือ overstay เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งหมด“เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด”เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปพร้อมยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คและเครื่องเราเตอร์ที่ใช้ทำงาน ส่งให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตรวจพิสูจน์ เพื่อขยายผลข้อมูลการทำงาน ความเชื่อมโยงต่อกลุ่มขบวนการต่างๆ การเชื่อมโยงทางการเงิน ทั้งในไทย และ ต่างประเทศ เพื่อประสานการกวาดล้างทั้งระบบต่อไป พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ศูนย์อำนวยการปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือศปชก.ตร ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์แจ้งยอดสุข ผบ.ตร ให้ทำการสืบสวน ป้องกัน และปราบปราม กลุ่มอาชญากรข้ามชาติผิดกฎหมายในฐานะ ผอ.ศปชก.ตร ได้ประชุมทีมปฏิบัติการ ให้อาศัยโอกาสในช่วงสถานการณ์โควิด ที่มีการระงับการเดินทางเข้าออกประเทศ เร่งกวาดล้างชาวต่างชาติที่ใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการกระทำผิดระหว่างประเทศ ทั้งในรูปแบบของการกระทำที่ส่งผลต่อไทยโดยตรง หรือ สร้างความเสียหายต่อประเทศอื่น ซึ่งจะมีการสืบสวนขยายผล ชาวต่างชาติที่เข้าข่าย พฤติการณ์อาชญากรรมข้ามชาติเพื่อกวาดล้างจับกุมต่อไป