เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 มี.ค. 2564 ที่ห้องประดิษฐ์มนูญธรรม1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ร่วมบรรยาย “การแก้ไขรัฐธรรมนูญไทย สู่ประชาธิปไตยหรือเสริมแกร่งเผด็จการ” ซึ่งคณะนิติศาสตร์ มข. ได้จัดกิจกรรมขึ้นโดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมรับฟังบรรยายได้ถามคำถามซึ่งมีทั้งกลุ่มเห็นด้วยและเห็นต่างตลอดทั้งการบรรยายเต็มไปด้วยสีสัน พร้อมทั้งบอกว่าจะรณรงค์แก้ไขปัญหา สว.
รศ.ดร.ปิยบุตร กล่าวว่า การที่เห็นคนที่คิดไม่เหมือนกันมาถกกันถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีทั้ง 2ฝ่าย เข้ามานั่งฟังในห้องแล้วก็สามารถแลกเปลี่ยนคำถาม คำตอบกันแบบนี้เป็นการสร้างบรรยากาศในการพูดคุยกัน ถ้ามีเวทีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆแล้วเอาฝ่ายที่เห็นต่างกันทั้ง2ฝ่ายมานั่งถกกันแบบนี้วันข้างหน้าอาจจะเข้าใจกันและคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกันก็ได้ เพราะหากจะเป็นสังคมประชาธิปไตยต้องมีเสรีภาพในการแสดงออก
"ขณะเดียวกันฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยต้องการอดทนอดกลั่นในการฟังความคิดเห็นที่แตกต่างด้วย การที่จะมีเวทีแบบนี้ในพื้นที่อื่นอีกไหมก็แล้วแต่ผู้จัดจะเชิญผมไปบรรยายอีกรึเปล่าแต่จริงๆในมหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุด เพราะมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องของวิชาการ มหาวิทยาลัยเป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว ถ้ามหาวิทยาลัยหันมาทำบรรยากาศแบบนี้บรรยากาศจะผ่อนคลายขึ้นเยอะเปิดโอกาสให้ทุกๆความคิดเห็นพูดคุยกันได้ เรื่องการที่จะประทะของกลุ่มผู้ที่เห็นต่างผมคิดว่าวันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีกลุ่มที่เห็นต่างกันอย่างสุดขั้วที่สามารถพูดคุยกันได้และก็จากกันด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร"
รศ.ดร.ปิยบุตร กล่าวต่อว่า ถ้าทั้ง2ฝ่ายฟังแล้วคิดอาจจะนำมาสู่ทางออกที่ดีก็ได้เพียงแต่ว่าต้องเปิดพื้นที่ให้มากขึ้นกว่าเดิม การรณรงค์ที่จะแก้ไขปัญหา สว. ตั้งใจไว้ว่าหลังจากวุฒิสภาสกัดขัดขว้างการแก้รัฐธรรมนูญรอบนี้ถึงเวลาที่ต้องมาพูดคุยกันแล้วว่าประเทศไทยไม่มีความจำเป็นต้องมีวุฒิสภา โดยที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ยังพอมีช่องทางให้ต่อสู้อยู่นั่นก็คือสิทธิของประชาชนในการเข้าชื่อร่างรัฐธรรมนูญในการแก้ไขเพิ่มเติมซึ่งก็คือร่างที่จะยกเลิกรัฐสภาให้กลับไปใช้สภาเดี่ยว
"ผ่านมา 4ปี พอดีคิดว่าน่าจะมีการเริ่มการเดินหน้ารณรงค์ต่อไปถ้าใช้เวลาหลายๆเดือนรณรงค์และเราสามารถรวมรายชื่อได้หลักล้านคนอาจจะส่งผลให้วุฒิสภาต้องคิดเหมือนกันผมก็พยายามคิดว่าอะไรที่จะกดดันที่จะทำให้สภาแก้รัฐธรรมนูญเพราะที่ผ่านมาไม่ยอมเลย เราต้องใช้สิทธิตามที่เรามีตามรัฐธรรมนูญคือการรณรงค์ต่อไป"