เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 19 มีนาคม ที่สน.สายไหม พ.ต.อ.อำนาจ กาหลง ผกก.สน.สายไหม พร้อม พ.ต.ท.บรรลุ เพลิดนอก สว.สส.สน.สายไหม พ.ต.ท.สุพจน์ นะสีห์โต สว.กก.สส.บก.น.1 พ.ต.ต.เมธาศิษฐ์ พัฒนะกิติพงษ์ สว.สอบสวน ช่วยราชการ สส.สน.สายไหม ร.ต.อ.สุนทร ไตรเวช รอง สว.สส.สน.สายไหม ร.ต.อ.ศุภชัย สงวนสิทธิ์ รอง สว.กก.สส.บก.น.1 และฝ่ายสืบสวนสน.สายไหม ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.จันทร์เพ็ญ หรือเพ็ญ สุขประสงค์ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 496 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2564 ฐานความผิดวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นการจับกุม , ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ซึ่งเป็นบัตรที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกเงินสด พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีน้ำแดง หมายเลขทะเบียน อธส 552 กทม.หมวกกันน๊อกสีน้ำเงิน ที่ใช้ในวันก่อเหตุ โดยจังกุมได้บริเวณทางเท้าฝั่งตรงข้ามตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 6 มีนาคม 2564 หญิงผู้เสียหายอายุ 73 ปีเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอลสวน สน.สายไหม ว่าถูกคนร้ายเป็นหญิง สามเสื้อคลุมสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ ขับรถจักรยานยนต์สีแดง เข้ามากระชากเอาบัตรเอทีเอ็มไปจากมือซึ่งมีรหัสบัตรเอทีเอ็มติดอยู่ด้านหลังบัตร เมื่อตรวจสอบทางธนาคารพบว่าคนร้ายได้นำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินสดออกมาจำนวน 2 ครั้ง 5,000 บาทและ 400 บาท รวมเป็นเงิน 5,400 บาท หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุและตามเส้นทางเพื่อตรวจหารถและบุคคลต้องสงสัยและนำเทียบข้อมูลกับผู้ที่เคยถูกจับกุมในลักษณะเดียวกันจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือน.ส.จันทร์เพ็ญ หรือเพ็ญ สุขประสงค์ อายุ 50 ปี ซึ่งเคยถูกจับกุมในคดีลักทรัพย์ในเคหะสถาน เมื่อปี 62 เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่าผู้ต้องหาปรากฏตัวอยู่บริเวณตลาดยิ่งเจริญ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบจนสามารถจับกุมตัวได้ เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นผู้ที่นำบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปกดเงินจริง แต่ไม่ได้ชิงเอามา ผู้เสียหายยื่นให้พร้อมรหัสเอง แต่ยอมรับว่าเคยก่อเหตุชิงทรัพย์ในลักษณนี้มาแล้ว 3-4 ครั้ง ส่วนใหญ่ทรัพย์สินที่ได้มาจะเป็นเงินสด เมื่อได้มาก็จะนำใช้จ่ายส่วนตัว ด้านผู้เสียหายที่เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหา เล่าว่า ในวันเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังเดินกลับหลังจากออกกำลังกายบริเวณสวนสุขภาพภายในกองทัพอากาศ ลูกสาวโทรศัพท์มาหาเพื่อให้โอนเงิน ตนจึงหยุดเดินแล้วหยิบสลิปที่ตนเพิ่งฝากเงินมาเพื่อดูยอด ได้มีคนร้ายขับรถมาจากด้านหลังจากนั้นได้คว้าเอาบัตรเอทีเอ็มที่มีรหัสจดอยู่ในซองบัตรก่อนขับรถหลบหนีไป ตนตกใจจึงทำอะไรไม่ถูก ก่อนตั่งสติแล้วไปที่ธนาคารพบว่าเงินในบัญชีได้ถูกถอนออกไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเนื่องจากการตรวจสอบประวัติพบว่ามีหมายจับท้องที่สน.โชคชัย ปี63 ในข้อหาเดียวกัน และก่อเหตุในพื้นที่สน.สายไหมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ซึ่งอยู่ระหว่างขยายผล ว่ามีการกระทำผิดในท้องที่อื่นๆอีกหรือไป