เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 19 มี.ค.64 ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม และนายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงข่าวกรณีคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เชิญผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมไปชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบริหารเรือนจำ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การที่ กมธ.ป.ป.ช. จะเชิญ ข้าราชการการเมืองและข้าราชการ กระทรวงยุติธรรม ไปชี้แจง ตนพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ในการชี้แจง ตนได้ลองศึกษาอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เรื่องการเสนอเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และมีเรื่องคดีอาญาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กมธ.อาจจะไม่สามารถเรียกหรือทำได้อย่างไรบ้าง ตรงนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่กระทรวงฝ่ายกฎหมายตรวจสอบดู ว่าเราจะให้ข้อมูล กมธ. ได้มากน้อยขนาดไหน ในส่วนผู้ที่ฝากขังอยู่ ได้โพสเฟซบุ๊กออกมา ว่าจะถูกทำร้ายและมีปัญหาด้านสุขภาพ หากว่าเราสามารถส่งภาพถ่ายบุคคลที่เป็นที่สนใจให้ประชาชนได้รับรู้ว่ายังแข็งแรง ปัญหาจะหมดไป แต่ระเบียบของกรมราชทัณฑ์ อาจไม่สามารถนำภาพมาให้สาธารณะรับทราบได้ จึงได้ให้ปลัดกระทรวงพิจารณาศึกษาดูว่าเราจะแก้ระเบียบให้สังคมรับรู้ เพื่อให้ความวุ่นวายตรงนี้หมดไปได้อย่างไรบ้าง ตอนนี้เรามีภาพทั้งหมด แต่เกรงว่าหากนำเสนอไปจะมีปัญหา ตนยืนยันว่าน้องๆทุกคน ร่างกายยังแข็งแรงดี แม้ว่าจะมีการอดอาหารแต่ไม่ได้ อดน้ำอดนม น้ำหนักอาจจะลดไปบ้าง แต่ไม่ต้องเป็นห่วง
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่ถามกันมากว่าทำไมต้องตรวจโควิดกลางคืน ตนขอชี้แจงอีกครั้งว่า การตรวจหาโควิดไม่ได้ตรวจกันบ่อยๆ แต่หากมีเหตุจำเป็นก็ต้องตรวจ อย่างคืนวันที่ 15 มี.ค. ผู้ถูกควบคุมตัวทั้ง 7 คนไม่ต้องการจะแยกเรือนนอนออกจากกัน ซึ่งผู้ต้องขังในกลุ่มเสี่ยง 3 คนที่มาจากเรือนจำพิเศษธนบุรีจะต้องแยกไปอยู่ที่ควบคุมต่างหาก แต่เขายืนยันจะอยู่ร่วมกัน จึงเป็นปัญหา ผบ.เรือนจำและผู้ที่เกี่ยวข้องจึงต้องเตรียมเครื่องมือมาตรวจโควิด เพราะเกรงว่าจะมีผู้ติดเชื้อจนแพร่ระบาดในเรือนจำ ซึ่งเรือนจำปกติเป็นพื้นที่ปิด ไม่มีคนนอกเข้าออกนอกจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ต้องขัง 3 รายมาใหม่จาก เรือนจำพิเศษธนบุรี ในช่วงนั้นมีการตรวจพบโควิดที่บางแคครั้งเดียว 85 ราย เราจึงขีดวงธนบุรีเป็นกลุ่มเสี่ยง ยืนยันว่าต้องแยกห้องแต่ทั้ง 7 คนไม่ยอมแยกออกจากกัน เรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร คนที่ยอมให้ตรวจมี 9 คนที่เป็นอีกกลุ่มที่มาใหม่และแยกออกไปอีกห้องหนึ่ง แต่อีก 7 คนไม่ยอมให้ตรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนทำตรงไปตรงมาตามขั้นตอน สุดท้ายใช้เวลานานหลายชั่วโมงแต่ตรวจไม่ได้เลยต้องแยกห้อง
"สิ่งต่างๆเหล่านี้แม้เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เรื่องระเบียบเรือนจำก็ต้องปฏิบัติตาม เพราะเป็นการดูแลคนหมู่มาก ส่วนจดหมายที่โพสเฟซบุ๊กไม่ใช่ผู้ถูกควบคุมเป็นคนเขียน แต่อาจเป็นข้อมูลที่พูดคุยกับทนาย เรื่องนี้เรากำลังติดตามว่าจะดำเนินการได้แค่ไหนอย่างไร ส่วนที่ระบุว่ากลัวว่าถูกทำร้าย กรณีที่ตนพบเจอคือถ้ามีการถูกควบคุมตัว มักจะมีข่าวว่าจะถูกทำร้าย ตนมีโอกาสได้ไปพบผู้ถูกควบคุมตัวเมื่อหลายเดือนก่อน เพราะมีข่าวลักษณะแบบนี้ออกมา เหมือนเป็นเทคนิคการทำงานของแต่ละฝ่าย สามารถเรียนรู้ว่ากันไป เราต้องหาทางแก้ไขกันไป หากเราส่งรูปถ่ายยืนยันให้กับประชาชนได้รับรู้ได้ปัญหานี้จะหมดไป ส่วนเรื่องจดหมาย ต้องตรวจสอบ หากเป็นการใส่ร้าย หน่วยงานนั้นย่อมสามารถพิจารณาฟ้องร้องได้ ทั้งนี้ผมได้เตรียมประชุมคอนเฟอร์เร็นท์วันที่ 20 มี.ค. เพื่อกำชับ ผบ.เรือนจำทั่วประเทศ ให้ทำงาน ดูแลตลอด 24 ชม. ไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก" นายสมศักดิ์ กล่าว