“ประยุทธ์” ถก “ฮุนเซน” เว้นการเก็บภาษีซ้อน ไทย-กัมพูชา เอื้อประโยชน์การลงทุน พร้อมเร่งทำรถไฟเชื่อมโยง 2 ประเทศ ภายในปี 63 เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางถึงกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรี และสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา เดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ จากนั้นจะเข้าหารือทวิภาคีกลุ่มเล็ก ก่อนหารือเต็มคณะ ระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา พล.ท.วีรชน สุคนธปฎิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือว่า ด้านความมั่นคงทั้งสองประเทศได้มีกรอบความร่วมมือต่างๆ ทั้งกรอบคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ,คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ถือมีความคืบหน้า ทำให้สถิติการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยไทยยินดีเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติสองฝ่าย เพื่อหารือถึงแนวทางการป้องกันในเรื่องนี้อย่างเป็นระบบต่อไป พล.ท.วีรชน กล่าวอีกว่า ภาพรวมด้านการค้าในระดับทวิภาคี ประจำปี 2560 ปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา แต่ยังห่างจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2563 คือ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงต้องร่วมกันหามาตรการส่งเสริมการค้าระหว่างกัน โดยเน้นเรื่องการอำนวยความสะดวกการค้าระหว่างชายแดน โดยมอบหมายคณะกรรมการร่วมด้านการค้า (JTC) นอกจากนี้อาจมีการพัฒนาสู่แนวทาง "แบ่งกันผลิต" สินค้าที่แต่ละฝ่ายมีศักยภาพในการผลิตสูง แทนที่จะแข่งขันกันผลิตในสินค้าชนิดเดียวกัน โดยมุงเน้นไปสู่การสร้างห่วงโซ่อุปทานให้มากขึ้น แก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้า และเสริมสร้างศักยภาพการผลิตในระดับภูมิภาค พล.ท.วีรชน กล่าวอีกว่า ส่วนสินค้าเกษตรในกรอบการทำเกษตรแบบมีสัญญา กัมพูชาส่งรายชื่อสินค้า 16 ชนิดมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ระบุพิกัดศุลกากร ซึ่งเมื่อรายละเอียดพร้อมกันทั้งสองฝ่าย ไทยพร้อมที่จะพิจารณาดำเนินการต่อไป เช่นเดียวกันกับการขนส่งสินค้าผ่านแดน ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความตกลงร่วมกันว่าด้วยการขนส่งสินค้าผ่านแดนโดยเร็ว เพื่อส่งเสริมความร่วมมือ และอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า และรองรับพระราชบัญญัติศุลกากรฉบับใหม่ของไทย พล.ท.วีรชน กล่าวว่า โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ยินดีต่อการลงนามในความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเชื่อมั่นว่าช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและลดภาระของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการลงทุน ของภาคเอกชนไทยในกัมพูชามากยิ่งขึ้น โดยหวังว่ากัมพูชาจะพิจารณาอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนให้แก่นักลงทุนชาวไทย และความเชื่อมโยงในภาพรวม ทั้งทางถนน ทางราง และทางทะเล การเชื่อมโยงเศรษฐกิจพิเศษและการเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มเติม การเชื่อมโยงระบบทางรถไฟ ขณะนี้รางรถไฟระหว่างไทยกับกัมพูชาได้เชื่อมต่อกันแล้ว หวังว่าการก่อสร้างเส้นทางรถไฟที่เหลืออยู่ดำเนินไปได้ด้วยดี เพื่อให้สามารถเดินทางโดยรถไฟในเส้นทางอรัญประเทศ – ปอยเปต – ศรีโสภณ – พระตะบอง - พนมเปญ ได้ภายในปี 2563 พล.ท.วีรชน กล่าวอีกว่า ส่วนการเชื่อมโยงทางบก ขอให้สองฝ่ายเร่งรัดสานต่อการจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการขนส่งข้ามแดนเพื่อให้สองฝ่ายสามารถขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดนถาวรได้ทุกจุด เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการขนส่งและการพัฒนาด้าน โลจิสติกส์ระหว่างสองประเทศ และลดภาวะความแออัดของจุดผ่านแดนถาวรอรัญประเทศ – ปอยเปตอีกด้วย พล.ท.วีรชน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี แสดงความประทับใจต่อนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ได้แต่งเพลงทั้ง 4 เพลง เกี่ยวกับ “สะพาน มิตรภาพ” ที่บ้านหนองเอี่ยน – สตึงบท ซึ่งโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีขอให้สองฝ่ายเร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างอาคาร ถนน สะพานและกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้เปิดจุดผ่านแดนถาวรที่บ้านหนองเอี่ยน จ.สระแก้ว– สตึงบท จ. บันเตียเมียนเจย ได้โดยเร็ว นอกจากนั้นยังขอให้มีการสำรวจจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าที่บ้านมะม่วงจังหวัดตราด – โชกโรกา จังหวัดพระตะบอง เพื่อซ่อมแซมถนนสำหรับประชาชน และก่อสร้างสะพานข้ามแดนที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาดจังหวัดจันทบุรี – ปรม จังหวัดไพลิน เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงทุกภาคส่วนของทั้งสองประเทศ พล.ท.วีรชน กล่าวอีกว่า ขณะที่ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ต้องสอดรับการการพัฒนาความเชื่อมโยงทางคมนาคมทั้งทางบก ทางราง และทางเรือ ที่กำลังพัฒนา โดยขอให้พิจารณาจัดทำเส้นทางการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนร่วมกัน ภายใต้โครงการ “สองราชอาณาจักร จุดหมายหนึ่งเดียว” ส่วนความร่วมมือด้านแรงงาน ขอให้กัมพูชาเร่งรัดการแจกหนังสือเดินทางแก่แรงงานกัมพูชาในไทยที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้ว และขอให้กัมพูชาเร่งรัดการพิสูจน์สัญชาติแรงงานที่เหลือให้แล้วเสร็จ หน่วยงานไทยพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับทีมงานกัมพูชา ที่จะมาแจกหนังสือเดินทางและพิสูจน์สัญชาติแรงงานที่ไทยในเดือนกันยายนนี้