วันที่ 18 มี.ค.64 นายพิสิษฐ์ พัฒน์ทอง กำนันตำบลทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.บางสะพานน้อย เปิดเผยว่า จากกรณีกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรใต้น้ำ ชุมชนบ้านปากคลอง อ.บางสะพานน้อย โพสต์ภาพและข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก พบซากปะการังน้ำตื้นถูกทำลายที่ปลายเกาะทะลุด้านทิศใต้ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง เบื้องต้นเชื่อว่าปะการังน้ำตื้นหลายชนิดที่แตกหักไม่มีปัญหาจากภัยธรรมชาติ ต่อมานางสุมณา ขจรวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แจ้งว่า บริเวณปลายเกาะทะลุ มีการแปลงปลูกปะการังโดยว่าจ้างบริษัทเอกชนปลูกเพื่อฟื้นฟูปะการังในแหล่งท่องเที่ยว พื้นที่ 25 ไร่ ใช้งบ4.78 ล้านบาท “ หลังจากพบปะการังเสียหายตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดลงโทษตามกฎหมาย แม้ว่าเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้แจ้งให้บริษัทหยุดดำเนินการ และ แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.บางสะพานน้อยร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม ล่าสุดมีความพยายามจากบางฝ่ายพยายามสร้างกระแสการตัดปะการัง โยนความผิดเป็นฝีมือของชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ซึ่งสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากการดำน้ำลงไปตัดปะการังที่ความลึก 5-7 เมตรจะต้องใช้อุปกรณ์ดำน้ำที่มีมาตรฐานเท่านั้น และไม่มีเหตุผลที่ชาวบ้านจะลงไปทำลายปะการัง ซึ่งเป็นแหล่งทำกินทั้งอาชีพการจับสัตว์น้ำและการท่องเที่ยว “ กำนัน ต.ทรายทอง กล่าว นายพิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า ลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต หลังกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหน่วยงานที่ใช้งบว่าจ้างเอกชนปลูกปะการัง เคยทราบมาก่อนหรือไม่ กรณีปะการังหลายชนิดถูกทำลาย เนื่องจากกรมฯได้ทำสัญญาจ้างไว้ ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม – 15 กันยายน 2564 หากชาวบ้านไม่นำภาพไปโพสต์แฉในสังคมโซเชียลเพื่อหาผู้รับผิดชอบ กรมฯจะนำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะชนหรือไม่ เนื่องจากระหว่างการปลูกปะการัง เจ้าหน้าที่ของกรมฯควรมีการตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามสัญญาจ้าง ด้านนายภัทร อินทรไพโรจน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม กล่าวว่า ได้นำนักวิชาการร่วมดำน้ำสำรวจแนวปะการัง พบปะการังเขากวาง ได้รับความเสียหาย 177 โคโลนี ในแปลงปลูกฟื้นฟูปะการังเก่า แต่ไม่พบชิ้นส่วนที่แตกหักร่วงหล่นบริเวณพื้นทรายรอบโคโลนี และไม่พบการแตกหักของปะการังเขากวางในพื้นที่แนวปะการังธรรมชาติ ขณะที่นักวิชาการที่ดำน้ำลงสำรวจแนวปะการังสะเทือนใจเป็นอย่างมาก เมื่อปะการังที่มีการเจริญเติบโตแล้ว แต่โดนหักซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้