ความคืบหน้าจากเมื่อ (วันที่ 17 มี.ค. 2564) ตั้งแต่ช่วงเวลา 09.00-17.00 น. พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยกรมคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพได้ลงพื้นที่มายังจังหวัดพิจิตร โดยได้ใช้ห้องประชุมของ สนง.ยุติธรรมจังหวัดพิจิตร เพื่อสอบสวนเรื่องความวุ่นวายของวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ที่มีกลุ่มของ พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัด หลวงพ่อเงินบางคลาน ไปร้องทุกข์ในเรื่องที่เกี่ยวกับการที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสและอีกหลายเรื่อง โดยในช่วงเช้า DSI ได้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงจากฝ่ายผู้ร้องและผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงชาวบ้านที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนหลายสิบคนที่มาร่วมให้ข้อเท็จจริง และในช่วงภาคบ่าย ได้ทำการสอบสวนเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงจากฝ่ายของ พระครูพิสุทธิวรากร ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม “วังตะโก” หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน โดยมี นายพร ปั้นเพ็ง รักษาการไวยาวัจกรวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน พร้อมที่ปรึกษากฎหมายของวัดฯ โดยใช้เวลา 4 ชั่วโมงเต็มในการดูหลักฐานที่เป็นคำพิพากษา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องของรักษาการเจ้าอาวาสกับอดีตเจ้าอาวาสและบริวารรวมถึงได้ดูภาพคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในวัด เมื่อเสร็จสิ้นการสอบสวนจึงได้มีการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดย นายพร ปั้นเพ็ง รักษาการไวยาวัจกรวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ได้เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจากตนเองเป็นผู้เริ่มต้นการร้องเรียน เหตุเกิดจากต้องการตรวจสอบเรื่องการเงินของพิธีมหาพุทธาภิเษกปี พ.ศ. 2555 ที่เกี่ยวข้องกับเบื้องสูง แต่พฤติกรรมของอดีตเจ้าอาวาสไม่โปร่งใส รวมถึงร้องเรียนอีก 25 เรื่องจนเป็นที่มาของคณะสงฆ์หรือพระชั้นผู้ใหญ่ตั้งกรรมการสอบสวนและปลดอดีตเจ้าอาวาสใช้อำนาจตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงมีคำพิพากษาให้อดีตเจ้าอาวาสต้องส่งมอบทรัพย์สินแต่ก็ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งศาล อีกทั้งก็มีบุคคลภายนอกซึ่งมีตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงยุยงชาวบ้านให้กระด้างกระเดื่องไม่ปฏิบัติตามกฏหมายจนเป็นที่มาของความวุ่นวายมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ นายชัชวาล ขันสำลี ทนายความ ซึ่งเป็นอดีต ผอ.สนง.บังคับคดี ก็ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่มีข้อร้องทุกข์กับ DSI ว่า มีชาวบ้านตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีต่างๆ ว่า ตามที่มีการออกหมายจับที่มีประชาวชนมาเกี่ยวข้อง ว่า ถ้ามีการปิดประกาศของบังคับคดีแล้วคนที่มายุ่งเกี่ยวถือว่าเป็นบริวารของจำเลย หากคิดว่าไม่ใช่บริวารของจำเลยก็ต้องยื่นแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายใน 15 วัน ปรากฏว่าคดีนี้ไม่มีการยื่นอำนาจพิเศษต่อศาล คนที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของวัดก็ถือว่าเป็นบริวารของจำเลย เพราะฉะนั้น คนที่ถูกชักจูงเข้ามา ทนายความจึงต้องรายงานต่อศาลไต่สวนว่าคนที่มาสนับบสนุน หรือ เป็นบริวารของจำเลย แล้วศาลก็เห็นภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและภาพถ่ายและตามกฏหมายบุคคลดังกล่าวจึงตกเป็นผู้ขัดขืนคำพิพากษาของศาลซึ่งต้องถูกจับและกักขังไม่ให้กระทำการฝ่าฝืนคำพิพากษาของศาล ซึ่งเรื่องดังกล่าวทนายส่งให้บังคับคดีจังหวัดพิจิตร และ บังคับคดีจังหวัดพิจิตร เป็นผู้ส่งหลักฐานและเรื่องดังกล่าวให้ศาลพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องหรือคดีแค่คดีเดียวแต่มีผู้กระทำผิดหลายคน ซึ่งเหตุเกิดจากไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลเท่านั้นเอง ไม่ได้กลั่นแกล้งแต่อย่างใด ในส่วนของ พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องข้อพิพาทวัดกับชาวบ้านและชาวบ้านกับวัด ทั้งสองฝ่ายมีประเด็นหลัก3 เรื่อง คือ 1.ข้อพิพาทที่เกิดขึ้น 40 กว่าเรื่อง 2.การแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาส 3. เงินรายได้ของวัด นอกจากนี้ชาวบ้านก็ร้องว่าไม่สามารถไปประกอบศาสนกิจภายในวัดำได้ในบางเรื่อง จึงทำให้ DSI ต้องเข้ามาสอบสวนหาข้อเท็จจริงและได้ข้อมูลดังนี้ 1.ในส่วนข้อพิพาททางคดีเนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังจากมีการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสเป็นต้นมา อาจมีก่อนหน้านี้ที่มีเหตุให้มีการเปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสรูปเดิม จนกระทั่งหลังจากการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสแล้วก็ยังมีเหตุข้อพิพาทกันอยู่ไป-มา ขอไม่ก้าวล่วงในคดี เพราะว่าในคดีส่วนหนึ่งตัดสินแล้วและอีกส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาและอีกส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างพนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล ดำเนินการอยู่ 2. เรื่องของการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสทางฝ่ายรักษาการเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานได้ชี้แจงว่าในเรื่องการแต่งตั้งเป็นอำนาจของเจ้าคณะตำบลที่แต่งตั้งมา ส่วนที่มีคำถามว่าการแต่งตั้งรักษาการวัดหลวงพ่อเงินบางคลานอยู่มา 7 ปีแล้ว ทำไมไม่แต่งตั้งให้สำเร็จให้เป็นตัวจริงเสียที ซึ่งทนายความฝ่ายรักษาการ ก็ได้ชี้แจงว่าอาจมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่รักษาการเจ้าอาวาสมีการฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้อดีตเจ้าอาวาสรูปเดิมส่งมอบทรัพย์สินให้กับทางวัด ดังนั้นรักษาการก็ยังคงเป็นคู่ความในคดีอยู่ การบังคับคดีในเรื่องดังกล่าวยังไม่สำเร็จลุล่วง เพราะฉะนั้นจึงอาจเป็นเหตุผลที่ฝ่ายพระผู้ใหญ่ที่มีอำนาจก็ยังไม่แต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสตัวจริง ก็อาจรอเรื่องนี้ให้สำเร็จลุล่วงไป ซึ่งเป็นมุมที่ทนายความของรักษาการชี้แจงมา 3.เรื่องความโปร่งใสรักษากรชี้แจงว่ามีกการตรวจสอบทรัพย์สิน ในเบื้องต้นที่ได้มาก็ได้มีการปิดประกาศให้ชาวบ้านทราบอยู่แล้ว ในส่วนที่ชาวบ้านร้องว่าเดือดร้อนว่าเข้าไปประกอบศาสนกิจยากลำบากหรือเอาบุตรหลานไปบวชในวัดก็ทำไม่ได้นั้น ฝ่ายรักษาการก็ชี้แจงว่าไม่ได้ปิดกั้นในเรื่องนี้ ซึ่ง DSI ได้ฟังข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวแล้ว พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวอาจจะต้องมีข้อเท็จจริงบางอย่างที่จะต้องไปหาเพิ่มเติมก็จะดำเนินการในส่วนนั้นและคิดว่าอาจจะต้องมีการเปิดเวทีให้พูดคุยกันระหว่างสองฝ่าย ซึ่งฝ่ายรักษาการก็บอกว่ามีความพยายามอยู่แต่ไม่สามารถที่จะจบลงได้