รมว.ยุติธรรม แถลงผลงาน "พาลีปราบยา"ชุดแรกยึดได้แล้ว 135 ล้านบาท เร่งสาวต่อกวาดให้หมดทั้งขบวนการ เชื่อหากประมวลกฎหมายยาเสพติดผ่านสภาเป้าหมาย 6,000 ล้านไม่ใช่ปัญหา ป.ป.ส.เผยยึดทรัพย์ได้แล้ว 41.76% จากที่ตั้งไว้ เมื่อเวลา 14.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พ.ต.อ.ธนรัชน์  สอนกล้า รอง ผบก.ปส.2 คณะทำงานชุดพาลีปราบยาที่ 13 แถลงข่าวความคืบหน้าการอายัดทรัพย์สินกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ครั้งที่ 1 นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการแถลงข่าวครั้งแรก ภายใต้ปฏิบัติการพาลีปราบยา ซึ่งมีทั้งหมด 16 ชุด โดยวันนี้เราได้แถลงชุด บช.ปส.2 โดยที่ผ่านมาพบปัญหาความยุ่งยากในการทำงาน โดยการใช้ พ.ร.บ.มาตรในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ของป.ป.ส. และพ.ร.บ.การฟอกเงินของ ป.ป.ง. มีความยุ่งยากในการขยายผล เพราะเจ้าหน้าที่ต้องหาความสัมพันธ์ผู้ถูกกล่าวหากับยาเสพติดว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร หากไม่สามารถหาความสัมพันธ์ได้ชัดเจน ส่วนใหญ่จะตกไป แต่การใช้ พ.ร.บ.การฟอกเงิน หากเราเห็นเส้นทางเงินที่โยกย้ายเงินแบบผิดปกติ ดูจากความเคลื่อนไหวบัญชีของสถาบันการเงินต่างๆ โดยเรียกเจ้าของบัญชีมาชี้แจง หากอธิบายไม่ได้ก็ยึดได้เลย สิ่งต่างๆเหล่านี้ตนต้องพยายามแก้ไข เพราะเราต้องการตัดวงจรยึดทรัพย์ให้ได้ 6,000 ล้านบาท เรื่องนี้จำเป็นต้องแก้กฎหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาซึ่งจะพิจารณาในวันที่ 18 มี.ค. ถ้าเราใช้กฎหมายของ ป.ป.ส. ทำงานอย่างเดียว จะยึดได้ไม่มากมาย ดังนั้นต้องมีเทคโนโลยี องค์ความรู้ และกฎหมายที่ทันสมัย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายกฯ ได้ให้นโยบายอย่างชัดเจน ให้มีอุปกรณ์ในการสืบค้น และกฎหมาย ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ป.ป.ส. ส่งคดีให้ ป.ป.ง. วงเงินทั้งหมดแค่ 129 ล้านบาท และยึดได้แค่ 56 ล้านบาท ถือว่าน้อยมาก แต่ตอนนี้เรากำลังจะพัฒนาเดินไปข้างหน้า ทั้งนี้นี่แค่การแถลงผลงานชุดเดียว แต่อีก 15 ชุดกำลังจะตามมา และหากประมวลกฎหมายยาเสพติดเสร็จและประกาศใช้ ตนเชื่อว่า 6,000 ล้านบาทไม่ใช่ปัญหา ซึ่งวันนี้เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันในทุกหน่วยงาน พ.ต.อ.ธนรัชน์ กล่าวว่า ช่วง 2 เดือนเศษในการทำงาน คณะทำงานได้ทำการสืบสวนกลุ่มเครือข่ายการเงิน ขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออก เครือข่ายนางคำจันทร์ ขาวทุ่ง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดี ข้อหาสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ตรวจสอบพบความเชื่อมโยงกับนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ในเขตภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก โดย นางคำจันทร์ มีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในห้วงปี พ.ศ.2559 - 2562 เกี่ยวโยง 1,623 บัญชี มียอดเงินหมุนเวียนรวม 1,391,216,239 บาท ถือว่าเป็นการทำธุรกรรมที่มีความผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับฐานะ คณะทำงานจึงได้มีการเสนอไปยัง ป.ป.ส. ให้มีการตรวจสอบ ยึด/อายัดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการ บัญชีที่มียอดการทำธุรกรรมจำนวนเงินรวมสูงกว่า 700,000 บาทขึ้นไป จำนวน 293 บัญชี และ ป.ป.ส. ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินเชื่อมโยงกับขบวนการยาเสพติด จึงมีคำสั่งให้ยึด อายัด บัญชีไว้แล้ว รวมยอดเงินในบัญชี 135,038,186 บาท "คณะทำงานยังได้มีการสืบสวนเส้นทางการเงินบัญชีอื่นๆ ที่เหลืออีกกว่า 1,239 บัญชี ซึ่งเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องในลักษณะเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินเครือข่ายยาเสพติดเช่นเดียวกันเสนอไปยัง ป.ป.ส. ให้มีการตรวจสอบ และหาก ป.ป.ส. ตรวจสอบพบว่าบัญชีเหล่านี้มีความผิดปกติ เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติด จะดำเนินการออกคำสั่งยึด/อายัดบัญชีเพิ่มเติม เพื่อเป็นการตัดวงจรเส้นทางการเงินเครือข่ายยาเสพติดนี้ ต่อไป "พ.ต.อ.ธนรัชน์ กล่าว นายวิชัย กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาล และรมว.ยุติธรรม ได้มอบนโยบายการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติด โดยเน้นการยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่าย ทางป.ป.ส. ได้ยึดอายัดได้แล้ว 2,505 ล้านบาท ถือเป็น 41.76% ซึ่งในช่วงแรกมีติดขัดเล็กน้อยในการตั้งคณะทำงานและประสานกับหน่วยงานต่างๆ แต่ขณะนี้เครื่องเดินแล้ว น่าจะยึดทรัพย์ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ////////