เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นเป็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะมีคำวินิจฉัยกลางออกมาแล้วแต่ก็ยังมีความเห็นที่ไม่ตรงกันอยู่ในทางปฏิบัติจริงๆจะต้องทำอย่างไร เพราะนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐธรรมนูญก็ยังมีการถกเถียงกัน รวมทั้งสมาชิกรัฐสภาด้วยกันเองก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงเป็นโจทย์ที่อย่างน้อยที่สุด พรรคประชาธิปัตย์จะต้องมาหารือกัน ซึ่งตนได้ให้เชิญฝ่ายกฎหมายมาช่วยให้ความเห็นว่าพรรคควรจะเดินหน้าไปอย่างไร แต่จุดยืนเดิมคืออยากเห็นรัฐธรรมนูญได้รับการแก้ไขไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น แต่วิธีการจะทำอย่างไรนั้น จะต้องฟังฝ่ายกฎหมาย และฝังความเห็นของที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย
“เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 256 คือวิธีการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา แต่การตั้ง สสร. ถือว่าเป็นการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ และถ้าเป็นการยกทั้งฉบับให้ไปทำประชามติก่อน หมายถึงต้องไปทำประชามติย้อนหลังก่อนตั้งแต่ก่อนวาระหนึ่งหรือว่าหลังจากรัฐธรรมนูญผ่านวาระสามแล้วก่อนที่จะไปตั้งสสร. ค่อยไปทำประชามติก็ได้ อันนี้ก็ยังเป็นความเห็นที่ไม่สอดคล้องกันอยู่” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว และว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่จะลงมติในวาระสาม มี 2 เรื่องปนกันอยู่ คือเรื่องของการแก้ไขมาตรา 256 แก้วิธีการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ และการจัดตั้งสสร.ใหม่ ปนอยู่ในร่างเดียวกัน เพราะฉะนั้นจะต้องดำเนินการอย่างไร สมาชิกรัฐสภาจะลงมติในรูปแบบไหน อย่างไรจึงเป็นที่มาของคำถาม ดังนั้นขอฟังความเห็นของฝ่ายกฎหมายเบื้องต้นก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าโหวตไม่ได้จะทำอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจว่าประชาธิปัตย์เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคจะดำเนินการทุกวิถีทางในการที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ว่าวิธีการจะเป็นอย่างไร ยังไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้ ยืนยันว่าว่าประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยนจุดยืน