จากกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อปี2562 ให้นายสุกิจ นิตินัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (มทร.กรุงเทพ)ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากอายุเกิน 60 ปี ซึ่งให้ถือว่าครบเทอมแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2564 ศาลปกครองสูงสุดกลับ คำสั่งของศาลปกครองกลางให้ยกคำขอทุเลาการบังคับใช้ข้อบังคับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพว่าด้วยการบริหารงานบุคคลสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2561 ข้อ 7 ข้อ 15 และ ข้อ 16 และไม่มีผลทางกฎหมายตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.64 เป็นต้นไป
เมื่อมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดออกมาดังกล่าว นายสุกิจ จึงทำเรื่องขอกลับเข้ามาเป็นอธิการบดี ทางด้านสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (มทร.กรุงเทพ) โดยมีนายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยฯ สั่งให้นำเรื่องการขอกลับมาปฏิบัติหน้าที่ของนายสุกิจ อธิการบดี ที่ได้ขอยุติการปฏิบัติหน้าที่ไปตั้งแต่เดือนต.ค. 2562 เข้ามาสู่ที่ประชุม
ทั้งนี้ผลจากการประชุม อันประกอบด้วยกรรมการของสภามหาวิทยาลัยฯแบ่งเป็น 1.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 14 คน 2. กรรมการจากอาจารย์ในมหาวิทยาลัย14คน โดยรวมนายกสภาฯ เป็น29คน ต่อมาปรากฎว่าดร.จิระ หงษ์ลดารม 1 ในกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เสียชีวิตลง จึงทำให้กรรมการเหลือ13คน เมื่อมีการลงมติ ปรากฎว่าในส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 11 คน เห็นว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ให้นายสุกิจ กลับเข้ามาเป็นอธิการบดีได้ ส่วนที่เหลืออีก 16 คนซึ่งประกอบด้วย 14 คนจากกลุ่มกรรมการจากอาจารย์ในมหาวิทยาลัย และอีก 1 คนจากกลุ่มกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเห็นแตกต่างออกไป โดยเห็นว่านายสุกิจ ไม่มีสิทธิแล้ว
โดยนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิส่วนใหญ่เห็นว่าการลงมติ มีผลขัดแย้งกับกฎหมายและข้อบังคับรวมทั้งแนวทางปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด หากถือปฏิบัติหรือมีการดำเนินการต่อไป อาจก่อให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายต่อมหาวิทยาลัยและต่อส่วนตัวได้ ประกอบกับได้พิจารณาเห็นว่าคงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ในการบริหารและพัฒนามหาวิทยาลัยตามอำนาจหน้าที่ ตามวัตถุประสงค์ และตามเจตนารมณ์ที่กำหนดไว้ต่อไปได้ จึงได้ขอลาออกจากการเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.64 เป็นต้นไป