เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 5 ก.ย.ที่ศาลทหารกรุงเทพฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวถึงทิศทางของกลุ่ม นปช.ภายหลังจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีคดีโครงการรับจำนำข้าวไปต่างประเทศว่า การรักษาจุดยืนประชาธิปไตยของกลุ่มนปชไม่จำเป็นที่จะต้องรอท่าทีของใคร เนื่องจากเรามีความชัดเจนมาตลอด ว่าเราต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ หากทางพรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันหลักการประชาธิปไตย กลุ่มนปช.ก็จะเป็นแนวร่วมและเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนใครจะมาเป็นผู้นำพรรคคนต่อไปนั้นถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคต้องดำเนินการกันเอง นายณัฐวุฒิ กล่าวยืนยันว่า การหลบหนีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่กระทบต่อขวัญและกำลังใจของมวลชนกลุ่ม นปช. เนื่องจากเรามีประสบการณ์การต่อสู้มากว่า 10 ปีทำให้มวลชนเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี และสามารถประเมินสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์มีข้อเท็จจริงที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับ คือกระบวนการก่อนถึงชั้นศาล มีคำถามถึงหลักนิติธรรมอยู่หลายขั้นตอนทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือขั้นตอนหลังการรัฐประหาร ซึ่งมีการใช้มาตรา 44 เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งตรงนี้ประชาชนมองเห็น ส่วนกระบวนการพิจารณาและคำพิพากษาของศาลนั้น เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ "ผมเชื่อว่าประชาชนเข้าใจการตัดสินใจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และไม่ส่งผลกระทบต่อ หลักการประชาธิปไตยที่ประชาชนยึดถือมาตลอด 10 ปี คนเสื้อแดงออกมาต่อสู้ก่อนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาเป็นนักการเมืองจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องยึดติดว่าใครจะอยู่หรือจะไป แต่ขึ้นอยู่กับหลักการต่อสู้ยังอยู่ในใจของประชาชนหรือไม่ ถ้ายังอยู่ทุกอย่างก็เดินหน้า "นาย ณัฐวุฒิ กล่าว นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะมีการนัดรวมตัวกัน ของกลุ่ม นปช.ฝ่ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อมาหารือในข้อกฎหมาย กรณีที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งยกฟ้องการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 53 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน และยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการเมือง ย้ำว่าไม่มีการเดินขบวนหรือชุมนุมใดๆ ทั้งสิ้นจึงอยากขออนุญาต คสช.ไว้ตรงนี้ เพื่อติดตามทวงหาความยุติธรรม ให้ผู้เสียชีวิต 100 ศพ ส่วนจะอนุญาตหรือไม่นั้นตนก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำอยู่แล้ว และจะไม่สร้างความวุ่นวาย