พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้รัฐสภามีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แต่ต้องทำประชามติสอบถามความคิดเห็นประชาชนก่อนและหลังแก้ไขว่า ก็เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนไม่มีความเห็นอะไรเป็นเรื่องของรัฐสภา ถ้าเขาจำเป็นต้องดำเนินการตามนั้น ตนก็จะหางบประมาณให้แค่นั้นเอง และการประชามติก็เป็นเรื่องของประชาชน เมื่อถามว่า จะเป็นปัญหาหรือไม่เพราะเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกฯกล่าวว่า เมื่อเช้าตนก็เห็นสมาชิกพรรคที่ว่า แต่ตนไม่ขอเอ่ยนาม ออกมาแถลงแสดงความคิดเห็นแล้ว ซึ่งเขาไม่กังวล ถ้าไม่เป็นกังวลแล้วตนจะกังวลทำไม ก็เป็นไปตามที่ศาลมีคำวินิจฉัยออกมา เป็นเรื่องจะไปทำอย่างไรต่อไปเท่านั้นเอง ตนขอร้องอย่าเอาประเด็นเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งกันอีกเลย เรื่องรัฐธรรมนูญขัดแย้งกันมาหลายรอบแล้ว ซึ่งรัฐบาลยินดีที่จะให้มีการแก้ไขอย่างไรแต่จะแก้ไขอย่างไรให้ไปว่าครบถ้วนกระบวนความ ไม่อยากให้เป็นความขัดแย้ง ไม่ใช่อะไรก็ขัดแย้งไปหมด แล้วจะทำอะไรได้เราจะทำให้ประเทศเราไปสู่ความขัดแย้งในหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน คงไม่เหมาะสมในเวลานี้ นายกฯกล่าวว่า เรื่องโควิด-19 ก็แย่อยู่แล้วสถานการณ์การเมืองก็เอาเข้าไปอีก เศรษฐกิจก็เอาเข้าไปอีก แล้วพวกเราจะอยู่กันอย่างไร ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะอยู่กันอย่างไร ก็ต้องเห็นใจคนอื่นเขาบ้าง เราต้องนึกถึงคนทุกคน แน่นอนว่าคนทั้ง 66 ล้านคน คิดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไว้ใจและมั่นใจคือการเลือก ส.ส.เข้ามา ซึ่งส.ส.ทั้ง 500 คนก็เป็นตัวแทนคน 66 ล้านคน และส.ส. 500 คนก็ 500 ความคิด มันถึงต้องมีพรรคการเมือง มีพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดคือกลไกประชาธิปไตย ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วตามรัฐธรรมนูญ ส่วนที่จะแก้หรือไม่แก้ และแก้แบบไหน ไปหาวิธีกันมา เพราะตนมีหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร ตนก็สนับสนุน อาจจะมีการแก้ไขจริงๆ ก็แก้ไขกันไป แต่ก็ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมเขาด้วย ศาลไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร เพราะเขาพิจารณาตามกระบวนการ ตามหลักการข้อกฎหมายขอให้ระมัดระวังด้วย เมื่อไปกล่าวถึงอย่าไปก้าวล่วงถึง ซึ่งตนก็ไม่ไปก้าวล่วงถึงเพราะตนเคารพศาล