จับอดีตเจ้าอาวาสหื่นตุ๋ยสามเณรคากุฏิ หนีคดีไปบวชฝั่งลาว ก่อนชะล่าใจกลับมาถูกจับคาวัดใหม่ในฝั่งไทย เผยมีเณรน้อยตกเป็นเหยื่อไม่ต่ำกว่า 5 รูป
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.บก.ป. สั่งการให้พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.พิเชต ชมมณฑา สว.กก.2 บก.ป. จับกุม พระภิกษุประเสริฐ ไอยะไกรสร อายุ 64 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเขียว ที่ 21/2553 ลงวันที่ 1 ก.พ. 2553 ข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” ได้ที่ ม.5 ต.ขัวก่าย อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณปี 2553 ขณะที่พระภิกษุประเสริฐ ยังมีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ได้มีพฤติกรรมเรียกสามเณรที่มาบวชเรียนในช่วงปิดเทอมเข้ามาพบที่กุฏิหรือห้องนอนส่วนตัวในช่วงเวลากลางคืน โดยอ้างว่าให้มาช่วยบีบนวดขาคลายเมื่อย กระทั่งเมื่อสบโอกาสอยู่กันเพียงลำพังจึงลงมือกระทำอนาจารสามเณร ก่อนข่มขู่ห้ามนำเรื่องไปบอกใคร ที่ผ่านมามีสามเณรตกเป็นเหยื่อถูกกระทำในลักษณะดังกล่าวจำนวน 5 รูป กระทั่งมีผู้ปกครองของสามเณรรูปหนึ่งพบเห็นความผิดปกติจึงสอบถามจนทราบความจริงก่อนนำเรื่องเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ภูเขียว จนมีการออกหมายจับ แต่ระหว่างนั้น พระภิกษุประเสริฐทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดี จึงชิงหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแฝงตัวเป็นพระตามวัดต่างๆในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน(ลาว) และวัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่รอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะเปลี่ยนที่จำวัดไปเรื่อยเพื่อให้ยากต่อการติดตามกระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าปัจจุบันพระภิกษุประเสริฐ ได้มาบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สกลนคร จึงนำกำลังไปติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวนพระภิกษุประเสริฐ ให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงเขิญตัวไปทำพิธีลาสิกขา สึกจากความเป็นพระ ก่อนส่งตัวให้ สภ.ภูเขียว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณปี 2553 ขณะที่พระภิกษุประเสริฐ ยังมีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ได้มีพฤติกรรมเรียกสามเณรที่มาบวชเรียนในช่วงปิดเทอมเข้ามาพบที่กุฏิหรือห้องนอนส่วนตัวในช่วงเวลากลางคืน โดยอ้างว่าให้มาช่วยบีบนวดขาคลายเมื่อย กระทั่งเมื่อสบโอกาสอยู่กันเพียงลำพังจึงลงมือกระทำอนาจารสามเณร ก่อนข่มขู่ห้ามนำเรื่องไปบอกใคร ที่ผ่านมามีสามเณรตกเป็นเหยื่อถูกกระทำในลักษณะดังกล่าวจำนวน 5 รูป กระทั่งมีผู้ปกครองของสามเณรรูปหนึ่งพบเห็นความผิดปกติจึงสอบถามจนทราบความจริงก่อนนำเรื่องเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ภูเขียว จนมีการออกหมายจับ แต่ระหว่างนั้น พระภิกษุประเสริฐทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดี จึงชิงหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแฝงตัวเป็นพระตามวัดต่างๆในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน(ลาว) และวัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่รอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะเปลี่ยนที่จำวัดไปเรื่อยเพื่อให้ยากต่อการติดตามกระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าปัจจุบันพระภิกษุประเสริฐ ได้มาบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สกลนคร จึงนำกำลังไปติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวนพระภิกษุประเสริฐ ให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงเขิญตัวไปทำพิธีลาสิกขา สึกจากความเป็นพระ ก่อนส่งตัวให้ สภ.ภูเขียว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป