วันที่ 10 มี.ค. 2564 ที่ศาลอาญาธนบุรี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1228/2563 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายศุภากร พินิจบุตร์ เป็นจำเลย กรณีจำเลยโพสต์ข้อความและรูปภาพตัดต่อเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ลงในเฟซบุ๊ก ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2) (5) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 10 - 23 เม.ย. 2563 จำเลยได้นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยการส่งข้อมูลรูปภาพและตัวอักษรในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์ อาจประมวลผลได้เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านทางผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ทางเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ซึ่งเปิดเป็นแบบสาธารณะ โดยจำเลยโพสต์เผยแพร่รูปภาพตัดต่อพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 และโพสต์เผยแพร่ภาพพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 9 และโพสต์เผยแพร่รูปภาพตัดต่อใบหน้าบุคคลสวมเครื่องทรงพระมหากษัตริย์ไทย ประกอบข้อความ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และโดยมีเจตนาให้ประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และก่อให้เกิดความขัดแย้งของประชาชน เกิดภาวะหรือสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงขึ้นภายในประเทศ ทั้งนี้จำเลยโพสต์ข้อความและรูปภาพดังกล่าวโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ รวม 9 ครั้ง
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ และศาลให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์รายงานสืบเสาะของจำเลยแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2) (5) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 9 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 9 กระทง รวมจำคุก 54 เดือน
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้ว เห็นว่า จำเลยโพสต์เผยแพร่รูปภาพตัดต่อพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 10 โพสต์เผยแพร่ภาพพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 9 และโพสต์เผยแพร่รูปภาพตัดต่อใบหน้าบุคคลสวมใส่เครื่องทรงพระมหากษัตริย์ไทย ประกอบข้อความตามฟ้อง โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เนื่องจากจำเลยรู้สึกสนุกที่ประชาชนพบเห็นโพสต์ดังกล่าวแล้ววิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ไปในทางให้ได้รับความเสียหาย แม้จำเลยกระทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจจากบุคคลทั่วไปเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับการว่าจ้างหรือค่าตอบแทน แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวถือเป็นการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ลดทอนความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ และก่อให้เกิดความขัดแย้งของประชาชน เกิดภาวะหรือสถานการณ์ที่บั่นทอนความมั่นคงขึ้นภายในประเทศ รวมทั้งเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง กรณียังไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลย ริบของกลาง