เมื่อวันที่ 8มี.ค.64นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk ชวนทุกฝ่ายมาร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง โดยเชื่อว่า มีโอกาสและมีความหวังเป็นไปได้ หากทะเลาะจะอยู่ด้วยความมืดมิดอีกต่อยาวนาน
“สิ่งที่ผมบอกว่า ถ้าสามัคคีเร็ว ก็ชนะเร็วนั้น ต้องการให้แต่ละส่วนคิดว่า จะต้องทำอะไรกันบ้าง และอะไรเป็นจุดร่วมกัน เมื่อทุกฝ่ายเข้ามาร่วมแล้วสบายใจ”
ส่วนบทเรียนของคนหนุ่มสาวนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ควรต้องไปคิดอ่านเช่นกันว่า อะไรเป็นสิ่งตรงกลางสามารถให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันได้ เนื่องจากแต่ละฝ่ายล้วนมีบทเรียน มีความเจ็บปวด มีความล้มเหลว และมีความสำเร็จ
ดังนั้น ถ้าแต่ละฝ่ายวางเรื่องตัวเองลงแล้ว ย่อมทำให้มีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่พอใจที่คนในชาติเกิดความสามัคคี โดยลืมนึกไปว่า ประชาชนที่ถูกแบ่งแยกและทำลายมีคนได้ประโยชน์สูงสุดคือผู้ปกครอง ซึ่งเป็นวิธีการใช้กันมาโดยตลอด
“ถ้าคนในชาติไม่สามัคคีคิดหาทางออกให้ชาติบ้านเมืองแล้ว เราก็ตกอยู่ภายใต้ระบอบ คสช.นี้ตราบนานเท่านาน และไม่มีวันประสบความสำเร็จใดๆ เพราะท้ายที่สุด ใครเสนอแนวทางต่อสู้เพื่อประสบชัยชนะได้ ก็จะถูกทำลาย”
เมื่อวันนี้เราเดินทางกันมาถึงจุดนี้ เราต้องการให้บ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้า ต้องยอมรับความจริงว่า ประชาชนอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวัง ต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองรอดไปวันๆ ไม่มีอนาคตแน่นอน
“ต้องบอกกันอีกครั้งว่า ถ้าทุกฝ่ายวางเรื่องตัวเองลง เหมือนเจียงไคเช็คกับเหมาเจอตุง ถ้าไม่วางเรื่องตัวเองแล้ว จะต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่นซึ่งมีความทันสมัยในการบุกยึดจีนไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องวางมือการต่อสู้กันไว้ก่อน และไม่ได้หมายความว่า ต่อไปจะไม่ได้สู้กัน”
นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์ต่อไปนั้น ถ้าคนไทยรู้เท่าทัน รู้ถึงการจะต่อสู้กับเผด็จการสืบทอดอำนาจอย่างไร เพราะตลอดช่วง 7 ปี ต่างได้รับชะตากรรมเดียวกัน ส่วนผู้ปกครองกลับมั่งมีสีสุข ทั้งอำนาจและโภคทรัพย์ ไม่สนใจว่า ประชาชนจะอยู่กันอย่างไร โดยเป็นวิธีคิดเดิมๆก่อนการปฏิรูปทางการเมือง
อีกอย่าง ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าเผด็จการทหารมาบวกกับความคิดของนักเลือกตั้งทำให้ประเทศหายนะหนักยิ่งกว่า ดังนั้น เราอยู่ท่ามกลางการเล่นละคร และการแสดงการเมืองน้ำเน่า
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางประชาชนอ่อนแอมาก เพราะเกิดจากการถูกเสี้ยม ทำให้ทะเลาะกัน ยิ่งทะเลาะกันมาก ผู้ปกครองจึงจัดการทีละส่วน แล้วไม่มีใครรอดสักคน ซึ่งไม่แตกต่างกับพวกตาอยู่ ตาอิน และตานา โดยตาอินกับตานาต้องทะเลาะกัน และอยู่ในความหวังว่ามีตาอยู่เป็นพวก แต่ท้ายที่สุดตาอยู่ก็ต้องจัดการตาอิน เสร็จแล้วจึงไปจัดการตานา
“ประเทศไทยเราอยู่ในสภาพแบบนี้มาตลอด ถ้ากระดานต่อไปไม่คิดอ่านก็โดนกันทุกส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้ทำไม่ไม่วางเรื่องตัวเองไว้ก่อน แล้วจึงจัดการกับตาอยู่ที่เป็นปัญหาชาติให้เรียบร้อย ซึ่งหนทางข้างหน้าเราจะทำอย่างไร เชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพทุกฝ่าย ถ้าได้ร่วมกันคิดออกแบบว่า เราจะแก้ปัญหาชาติอย่างไร”
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าเรายังอยู่และมีความหวังกับรัฐบาลเช่นนี้แล้ว วันนี้ชีวิตประเทศคงไม่เป็นแบบคนต้องอยู่อย่างขอทานที่รอการโปรยทานจากรัฐบาลเท่านั้น ระบอบการปกครองแบบนี้ทำให้เกิดการแตกแยกไปกันใหญ่ เพราะยิ่งทำให้คนเอาเปรียบเห็นแก่ตัวกัน ทั้งโครงการเราชนะ คนละครึ่ง ล้วนสอนให้คนเห็นแก่ตัวทั้งนั้น มีเพียงคนกลุ่มหนึ่งที่เข้าถึงเทคโนโลยีก็ได้ประโยชน์
“แม้หลายคนหลงใหลโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลออกมา ล้วนสอนให้คนเอาตัวรอด เหยียบหัวคนอื่น แล้วสภาพ ประเทศจะเป็นแบบนี้หรือ คนต้องอยู่แบบแก่งแย่งกันด้วยสภาพแบบนี้หรือ เราแต่ละฝ่ายที่ต่อสู้มีความเจ็บปวดมากมาย ผมจึงชวนให้วางเรื่องตัวเองก่อน เพราะสภาพบ้านเมืองอยู่กันแบบนี้ไม่ได้ และถ้าไม่ใช้หลักตรงกลางให้คนทุกฝ่ายเข้าร่วมด้วยความสบายใจ เอาชาติบ้านเมืองเป็นหลัก เพื่อให้ประเทศเห็นแสงสว่าง ซึ่งผมเชื่อว่า ทำกันได้ ร่วมมือกันเร็วก็ชนะเร็ว โดยเอาผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง เมื่อเป็นอย่างนี้เราตั้งหลักต่อสู้กันได้”
นายจตุพร กล่าวว่า เราเดินมาถึงจุดว่า อะไรคือความผาสุกของบ้านเมือง เราจึงต้องทบทวน เพื่อไม่ให้เข้าใจผิดและถลำลึกกันมากเกินไป ดังนั้น ตนจึงให้เวลาได้ทำงาน ให้ความจริงเป็นที่ประจักษ์ เพื่อให้คนทุกภาคส่วนช่วยกันคิด เพราะบ้านเมืองเป็นของเราทุกคน
ส่วนวันที่ 11 มี.ค.นั้น ศาล รธน.นัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีการแก้ รธน. ซึ่งตนว่า มีทางออกมากมาย แต่สิ่งสำคัญคือ นักการเมืองทั้งหลายได้คิดเรื่องชาติบ้านเมืองแล้วหรือยัง เราทุกคนต่างรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ต้องคิดถึงประเทศได้ตั้งหลักให้เร็ว
“เราจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้ ประเทศขาดความเชื่อมั่น คนไทยไม่รู้จะฟื้นกันอย่างไร บ้านเมืองอยู่สภาพแบบนี้ไม่ได้ หลักของผู้ปกครองคือ ถ้ารอดต้องรอดกันทุกคน ไม่ใช่ให้คนแข็งแรงรอด คิดแบบนี้ทำให้คนแตกแยกและทะเลาะกัน”
สถานการณ์ในเดือนมีนาคมนี้ ถ้า รธน.ถูกคว่ำอีก และ ปชป.ยังหน้าด้านอยู่ พรรคนี้ก็สูญพันธุ์ ดังนั้น ถ้า รธน.ถูกทำลาย ถ้าไม่รู้สึกอะไรก็เป็นการหลอกลวงประชาชน เพื่อขายผ้าเอาหน้ารอด และกะล่อนหาทางหลบเลี่ยงการแถลงนโนยบายต่อสภาไปเท่านั้น
“การอยู่รอดของรัฐบาลมีเพียงทางสร้างความแตกแยกสามัคคี ดังนั้น เราต้องตื่นกันแล้ว เพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากจะต่อสู้จนสำเร็จ ต้องทุกฝ่ายคิดเรื่องชาติบ้านเมืองมาก่อนจึงเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงได้”
ส่วนชะตากรรมคนหนุ่มสาวน่าเห็นใจ แต่ที่ตนชวนนั้น เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันหันมาหาทางออกของชาติบ้านเมือง ตกผลึกวันไหนประกาศออกมา และตนเชื่อว่าใช้เวลาไม่นานประเทศจะมีความหวังได้
“ควรคิดอ่านเพื่อชาติบ้านเมืองกันสักครั้ง ผมเชื่อว่ามีโอกาสและความหวังเป็นไปได้ หากจะทะเลาะกันเราก็จะถูกปกครองแบบนี้ไปอีกนาน อยู่ด้วยความมืดมิดอีกต่อไป เราต้องหาทางแสงสว่าง ไม่ใช่หาความมืดมน”