“ผบช.น.-ตร.” ตั้งโต๊ะแจงจับ “โตโต้” พร้อม “การ์ดวีโว่”รวม 18 คน ขัง “ตชด.ภ.1” ยึด “ลูกเหล็ก-ระเบิดควัน-น้ำปลาร้า-เสื้อเกราะ-โล่” เจอแจ้ง 3 ข้อหาหนัก “ฝ่าพ.ร.ก.ฉุกเฉิน-คำสั่งควบคุมโรค-อั้งยี่ซ่องโจร” ย้ำชัดเป็นความผิดซึ้งหน้า ก่อนหิ้วฝากขังศาลอาญาฯ ด้านส่วน “สวนดุสิตโพล” ระบุปชช.ไม่เห็นด้วย “ม็อบชุมนุม-ท่าทีรัฐ บาลปราบม็อบ”แนะทุกฝ่ายถอยคนละก้าว “ซูเปอร์โพล”เผยปชช.ยี้ “นักการเมืองแย่งเก้าอี้” เตือน “ปรับครม.” เลือกคนผิดยิ่งสุมไฟม็อบ ขณะที่“กกต.”เปิดหีบเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช “ปชช.”แห่ใช้สิทธิคึกคัก
เมื่อวันที่ 7 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช แทนตำ แหน่งที่ว่างลง ในพื้นที่ อ.พระพรหม อ.เฉลิมพระเกียรติจุฬาภรณ์ และอ.ชะอวด โดยหลังเปิดหีบเลือกตั้งเวลา 08.00 น. ได้มีประชาชนทยอยเดินทางมาลงคะแนนอย่างคึกคัก โดยผู้สมัครมาจาก 4 พรรคการเมือง ประกอบด้วยนายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ เบอร์ 1 พรรคกล้า , ว่าที่ ร.ต.อภิรัฐ รัตนพันธ์ เบอร์ 2 พรรคเสรีรวมไทย , นายพงศ์สิทธิ์ เสนพงศ์ เบอร์ 3 พรรคประธิปัตย์ และนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ
ด้าน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อวานตั้งแต่ 18.00 น.เป็นต้นมาเป็นห้วงเวลาที่บังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งอย่างเข้มข้น โดยไม่พบการกระทำความผิดและคาดว่าจะสามารถนับคะแนนแล้วเสร็จได้ประมาณ19.00น.-19.30น. จากทั้งหมด 262 หน่วยเลือกตั้ง
ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. และพล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.ร่วมแถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุม เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา
โดย พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.64 มีกลุ่มผู้ชุมนุมนัดหมายทำกิจกรรมและชุมนุมสาธารณะดัง นี้ 1.กลุ่ม REDEM ร่วมกับกลุ่มการ์ดราษฎร ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ก่อนเดินขบวน ไปที่ศาลอาญา 2.กลุ่มแนวร่วมแดงก้าวหน้า 63 ที่บริเวณโลตัสรังสิต ก่อนเดินขบวนไปกรมทหารราบที่ 11 ,3.กลุ่มมวลชนเดินทะลุฟ้าบริเวณตลาดเซียร์ รังสิต ก่อนเดินขบวนไปที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 4.กลุ่มอาชีวศึกษาปกป้องสถาบัน บริเวณแยกราชประสงค์ โดยฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่า กลุ่ม นายปิยรัฐ จงเทพ แกนนำกลุ่ม WEVO กับพวกได้นัดหมายรวมตัวกันที่บริเวณลานจอดรถชั้น 5 บนห้างเมเจอร์รัชโยธิน และมีการนำอาวุธหรือสิ่งของมาใช้ก่อความวุ่นวายหรือสร้างสถานการณ์ในการชุมนุม จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นพบนายปิยรัฐกับพวกพร้อมกระเป๋าเป้ ภายในบรรจุหนังสติก 15 อัน, หัวน็อต 50 ชิ้น, ลูกแก้ว 300 ลูก ระเบิดควัน 30 ลูก, ถุงน้ำปลาร้า 30 ถุง, หมวกกันกระแทก 13 ใบ, เสื้อเกราะ 37 ตัว, ท่อเก็บแก๊สน้ำตา 1 อัน ฆ้อนเหล็ก 1 อัน และโล่ 1 อัน จึงได้ยึดไว้เป็นของกลางและควบคุมตัวนายปิยรัฐกับพวกขึ้นรถผู้ต้องหาจำนวน 3 คัน นำส่งตชด.ภ.1 ขณะแล่นออกจากห้างเมเจอร์รัชโยธินได้พบกับกลุ่ม REDEM และกลุ่มการ์ดราษฎรปรากฏว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เข้ามาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ต่อสู้และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ทุบรถผู้ต้องหาและได้พังประตูรถด้านหลังทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้บางส่วน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวและนำส่งตชด.ภ.1 ได้จำนวน 18 คน และดำเนินคดีในข้อหา 1.ร่วมกันจัดการชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2.ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ 3.ฐานเป็นอั้งยี่และซ่องโจร
“ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 7 นาย โดย 6 นาย ยังพักรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลตำรวจ รถควบคุมผู้ต้องหาเสียหายจำนวน 9 คัน ต่อมาผู้ต้องหาที่ได้รับการช่วยเหลือให้หลบหนีไปบางส่วนได้เข้ามามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน จำนวน 27 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยบช.น. จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้กระทำความผิดในส่วนให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนี ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ทำลายทรัพย์สินราชการ และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป”
ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า สำหรับคำถามว่าทำไมถึงมีความจำเป็นที่ต้องจับกุม นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ พร้อมพวก ในกรณีนี้เนื่องจากการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน มีพยานหลักฐานยืนยันว่ากลุ่มของนายปิยรัฐมีการนัดรวมตัวบริเวณลานจอดรถชั้น 5 ห้างเมเจอร์รัชโยธิน โดยกลุ่มนี้มีวัตถุประสงค์ก่อความวุ่นวายในการชุมนุม หลังจากตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานได้เดินทางไปพิสูจน์ทราบพบนายปิยรัฐกับพวกจริง ทั้งทางที่นายปิยรัฐมีการโพสต์โซเชียลว่าจะไม่เข้าร่วมการชุมนุม ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบมีการต่อสู้ขัดขวางตามที่ปรากฏ เบื้องต้นตำรวจสามารถตรวจค้นของกลาง ได้หลายรายการ ทั้งนี้ตำรวจมีความจำเป็นต้องเข้าจับกุมเนื่องจากใกล้เวลาที่กลุ่มผู้ชุมนุมREDEM เตรียมเคลื่อนขบวนจากห้าแยกลาดพร้าวจะมาชุมนุมที่ศาลอาญา เพราะเกรงว่ากลุ่มนี้จะก่อเหตุรุนแรงหรือก่อความวุ่นวายในบริเวณที่ชุมนุมจึงทำการจับกุม ระหว่างที่จะนำตัวผู้ต้องหาออกจากที่เกิดเหตุเพื่อนำไปสถานที่ควบคุม ก็มีกลุ่มบุคคลเข้ามาชิงตัวผู้ต้องหา ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ และมีทรัพย์สินของทางราชการ และทรัพย์สินของผู้ต้องหาหลายรายการที่สูญหายไป
เมื่อถามว่า มาตรการคุมตัวผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 6 มี.ค.64 หละหลวมจนส่งผลให้เกิดเหตุชุลมุนหรือไม่ พล.ต. ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า การชุมนุมที่หน้าบริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 มีความรุนแรง ครั้งนี้เราจึงตัดสินใจจับกุม และพยายามเอาออกให้เร็วที่สุด ระหว่างนั้นมีการปะทะกัน ซึ่งตำรวจถูกทำร้าย ถูกยิงด้วยลูกเหล็ก และขว้างปาสิ่งของ ซึ่งตำรวจพยายามทำละมุนละม่อมที่สุด ก่อนพาตัวผู้ต้องหาออกมา
เมื่อถามต่อว่า การจับกุมนายปิยรัฐ เพราะเกรงว่าจะไปร่วมชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่าเวลาจับกุมไปรับประทานอาหารอยู่ในห้าง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ตำรวจจับกุมในลานจอดรถด้านหลังห้างสรรพสินค้า และมีข้อบ่งชี้ว่าเขาจะไปร่วมชุมนุม เพราะหากไม่ชุมนุม จะเอาหนังสติ๊ก ลูกเหล็ก หัวน็อต ลูกแก้ว ระเบิดควัน ท่อเก็บแก๊สน้ำตา วิทยุสื่อสาร พกไปด้วยหรือไม่ หรือพกมากินข้าว ส่วนกรณีไม่มีหมายจับ สามารถทำได้ เพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า และอีกข้อสังเกตหลังชุมนุมมีผู้มาแสดงตน ว่าเป็นกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกช่วยเหลือออกจากรถควบคุม 27 คน แต่ตำรวจไม่สามารถแจ้งข้อหากล่าวได้ เพราะไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ใจว่าใช่บุคคลที่หลุดจากรถควบคุมจริงหรือไม่
ทั้งนี้ เบื้องต้นตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ 18 ราย ยังไม่มีใครได้รับการปล่อยตัว เตรียมนำตัวฝากขังที่ศาลอาญา วันที่ 8 มี.ค.64 และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หากไปถึงใครก็ต้องดำเนินคดี ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องจับกี่คน แต่เป็นไปตามข้อเท็จจริง ใครทำอะไร พยานหลักฐานถึงใคร ต้องดำเนินคดีทั้งหมด ย้ำว่าความรุนแรงหรือไม่รุนแรง อยู่ที่อยู่ชุมนุม ไม่ใช่ตำรวจ อย่างเหตุการณ์เมื่อวานหากไม่มีการชิงตัวผู้ต้องหาให้พ้นการจับกุม ก็จะไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
เมื่อถามว่า กรณีผู้ชุมนุมนำแผ่นป้ายข้อความไปติดตั้งบนรั้วศาลอาญา ทางศาลได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการบุกรุกสถานที่ราชการ ซึ่งเป็นเขตอำนาจศาล หลังจากนี้ตำรวจต้องประสานกับศาลอย่างใกล้ชิดว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งการกระทำดังกล่าว มีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้ทั้งหมด
ด้าน สวนดุสิตโพล จากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “จุดกึ่งกลางระหว่างการชุมนุมกับรัฐบาล” โดยถามถึงท่าทีของรัฐบาลที่มีต่อการชุมนุมพบว่า ร้อยละ 51.41 ให้เน้นการสกัดกั้น การชุมนุมจับกุมแกนนำ ร้อยละ 50.35 มีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ และเมื่อถามต่อถึง จุดกึ่งกลางระหว่างการชุมนุมกับรัฐบาล ส่วนใหญ่ร้อยละ 50.07 ระบุว่า ทุกฝ่าย ต้องยอมรับความเห็นต่าง และถอยคนละก้าว นอกจากนี้ ความเห็นของประชาชนต่อการชุมนุมวันนี้พบว่า ร้อยละ 27.63 ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม ส่วนความเห็นประชาชนต่อท่าทีของรัฐบาลที่มีต่อการชุมนุม พบว่า ร้อยละ 39.49 ไม่เห็นด้วย และที่เห็นด้วย ร้อยละ 8.28
ขณะที่ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลการสำรวจเรื่อง “การเมือง อย่าสุมไฟ ม็อบ”โดยประเด็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือเกือบร้อยละร้อย คือ ร้อยละ 99.8 ระบุ นักการเมืองมุ่งแต่แย่งตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่ดีต่อสถานการณ์ บ้านเมืองความขัดแย้ง ในหมู่ประชาชนตอนนี้ ร้อยละ 99.2 ผิดหวังนักการเมือง แย่งตำแหน่งรัฐมนตรี โดยมุ่งถอน ทุนคืน มากกว่าทำงาน เพื่อแก้ความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนและร้อยละ 98.7 เสื่อมศรัทธาต่อ นักการเมือง แย่งตำแหน่งรัฐมนตรีกัน ในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันนี้ ขณะที่ ร้อยละ 93 มีความเชื่อมั่นต่อ จิตวิญญาณทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่เด็ดขาด เลือกคนดีเป็นรัฐมนตรี แก้วิกฤตชาติ ร้อยละ 64.2 เชื่อค่อนข้างมากถึงมากที่สุดว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเลือกข้างผลประโยชน์ชาติ และของประชาชน มากกว่าผลประโยชน์ของนัก การเมืองที่จะถอนทุนคืน
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า แต่ขบวนการม็อบลุ่มลึกกว่าการเมือง เปราะบางมากเกินกว่าจะมองแค่เปลือกภายนอกแล้วมาแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีกัน เพื่อผลประโยชน์ฝ่ายการเมืองไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะฝ่ายการเมืองกำลังถูกลากเข้าไปอยู่ในเกมสุมไฟม็อบ สร้างความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย ของคนในชาติ ดังนั้นฝ่ายการเมืองต้องนิ่งและอยู่ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์แต่เพียงผู้เดียว ต้องเป็นเนื้อเดียวกันและจะรอดทั้งหมด