"ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล" หรือ ALLY ประกาศจ่ายเงินปันผลไตรมาส 4/63 อัตรา 0.145 บาทต่อหน่วย ผลตอบแทน 7.77% ชูผลงานดีขึ้นต่อเนื่อง ผู้เช่าเดิมต่อสัญญา ผู้เช่าแบรนด์ใหม่เพิ่ม ดันอัตราการเช่าพื้นที่พุ่งแตะ 93.4% ชูสถานะการเงินแกร่งลุยลงทุนเพิ่ม หนุนปันผลสูงสม่ำเสมอทุกไตรมาส พร้อมเติบโต
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.อี.รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล (ALLY) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2563 ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเตรียมจ่ายเงินปันผลและเงินลดทุนในอัตรา 0.145 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 7.77% ซึ่งสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยกำหนดรายชื่อเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลและการคืนทุนในวันที่ 11 มี.ค.64 และจ่ายเงินวันที่ 19 มี.ค.64 ส่งผลให้ทั้งปี 2563 มีการแบ่งปันส่วนทุนและการคืนทุนให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์รวมทั้งสิ้น 380 ล้านบาทหรือ 0.435 บาทต่อหน่วย จากนโยบายจ่ายเงินปันผลทุกไตรมาส
สำหรับงวดไตรมาส 4 ปี 2563 มีรายได้รวม 283.87 ล้านบาทและมีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 139.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% จากไตรมาสก่อนหน้า มีรายได้ค่าเช่าและบริการเพิ่มขึ้น 1.8% อยู่ที่ 315.82 ล้านบาท แม้เป็นช่วงโควิดเศรษฐกิจซบเซามากกว่าปีก่อน และโดยทั้งปี 2563 มีรายได้รวม 1,132.52 ล้านบาทและมีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 434.43 ล้านบาท
โดยผลจากการบริหารงานและเพิ่มประสิทธิภาพให้ศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร้านค้าเดิมต่อสัญญาและมีผู้เช่าแบรนด์ดังใหม่เพิ่ม 34 ร้าน รวมเป็น 222 สัญญา คิดเป็นอัตรา 90.1% หรือพื้นที่รวม 32,231 ตารางเมตรและพื้นที่ที่เหลือยังมีร้านค้าต่อคิวเช่าต่อเนื่อง ทั้งนี้จากนโยบายรักษาผู้เช่า โดยเน้นเติบโตไปด้วยกันแบบ synergy made growth จึงยังให้ส่วนลดค่าเช่ากับร้านที่ยังมีปัญหาให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ในขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ของศูนย์การค้าทั้ง 10 โครงการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 93.4% ณ สิ้นปี 2563 จากไตรมาส 3 อยู่ที่ 91.4% และอัตราการต่อสัญญาค่าเช่ามีสัญญาณที่ดีขึ้น
"ปัจจุบันราคา ALLY ในตลาดซื้อขายต่ำกว่า NAV ที่ 9.5843 บาทอยู่มาก เป็นจังหวะที่น่าสนใจในการพิจารณาลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกไตรมาส อีกทั้งแผนขยายการลงทุนที่ชัดเจนต่อเนื่องทุกปีช่วยสร้างการเติบโตในอนาคตและโอกาสจ่ายเงินปันผลได้เพิ่มขึ้น โดยครึ่งปีแรกนี้มีแผนลงทุนที่เชียงใหม่ ชัยพฤกษ์และหัวลำโพง ทางด้านสถานะการเงินของกองทรัสต์ ALLY แข็งแกร่ง มีเงินสดมากถึง 515 ล้านบาทและมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทสินทรัพย์ต่ำเพียง 0.23 เท่า"
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลเชิงบวกกับศูนย์การค้าแบบเปิด (Open Mall) ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ดีกว่าศูนย์การค้าแบบปิด เนื่องจากอากาศถ่ายเทกว่า ทำให้ลูกค้าสบายใจที่จะมาเดิน อีกทั้งยังอยู่ใกล้บ้าน จอดรถสะดวก มีสินค้า และบริการครบครัน ตอบสนองทุกความต้องการ
ทั้งนี้กองทรัสต์ ALLY ยังให้ความสำคัญเรื่อง ESG (Environmental, Social, Governance) เพื่อสร้างธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเริ่มติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาศูนย์การค้า (Solar Rooftop) ที่ศูนย์คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) คาดว่าจะลดค่าไฟได้ 25% ต่อหน่วยและมีแผนติดตั้งให้ครบทั้ง 10 โครงการในปี 2565 รวมทั้งมีการใช้ปุ๋ยธรรมชาติในทุกศูนย์ ดีต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากศูนย์การค้าเน้นพื้นที่ Green Space เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น