"บิ๊กตู่"สั่ง"กลาโหม"เคลียร์"ไอโอกองทัพ" หลังโดน"เฟซบุ๊ก"ไล่ปิดบัญชี รับมีเชื่อมโยงการเมือง ยันปรับ"ครม."ไม่มีคนนอก เผยมี.ค.เสร็จทุกขั้นตอน ขออย่ามีปัญหาจะเอาสมองไปทำอย่างอื่น "อิทธิพล"พร้อมนั่ง"รมว.ดีอีเอส" หลังมีชื่อติดโผ เตรียมสานต่องานจัดการไอโอ-ม.112 "อนุชา"ปัดตอบมีชื่อนั่ง"เสมา 1"บอกเป็นเรื่องของผู้ใหญ่พิจารณา ขณะที่"ชัยวุฒิ"พร้อมทำงานทุกอย่างที่ผู้ใหญ่มอบหมาย เผยเพิ่งรู้ข่าวมีชื่อสลับเก้าอี้จากสื่อ ขณะที่"ศาลรธน."นัดแถลง 11 มี.ค. ชี้ขาดอำนาจ"รัฐสภา"แก้รัฐธรรมนูญ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 มี.ค.64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีเฟซบุ๊กปิดบัญชีเพจที่เชื่อมโยงปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร(ไอโอ)ที่เป็นของกองทัพ ในประเทศไทย ว่า ตอนนี้ให้กระทรวงกลาโหมไปดู ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการพูดในการอภิปรายในสภา ให้ไปดูว่าเป็นยังไง หลายอย่างตอนนี้ก็เป็นประเด็นทางการเมืองไปด้วย ถามว่าวันนี้เฟซบุ๊กทำเช่นนี้ มันมีหลายทาง ทุกคนทราบดี ต้องไปทำให้ความชัดเจนเกิดขึ้น เคลียร์ชัดเจนให้ได้ ตนสั่งทางกลาโหมให้ไปดูแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ได้ติดต่อประสานหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้ว ให้เร่งส่งรายขึ้นมาให้ตน คิดว่าจะเร่งทำให้แล้วเสร็จตามขั้นตอนเพื่อนำไปสู่กระบวนการทางเอกสารทางธุรการเพื่อให้เร็วภายใน มี.ค.นี้ ก่อนขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ "ขอให้หยุดได้แล้ว ใครเป็นอะไรต่างๆ ก็ตาม ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคเสนอขึ้นมา ผมเป็นคนเลือก คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นการปรับไม่มากนัก"นายกฯ กล่าว เมื่อถามว่า จะมีชื่อคนนอกเข้ามาร่วม ครม.ในครั้งนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พูดไปหลายครั้งแล้ว เป็นเรื่องของพรรคและเรื่องของโควต้าพรรค เสนออะไรขึ้นมาในกรอบของเขา ก่อนกล่าวเสียงดังหนักแน่นว่า "ไม่มีคนนอก จบ" ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ว่า “อะไรที่เรียบร้อยอะไรที่สงบเงียบก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ขออย่าให้มีปัญหาก็แล้วกันแค่นั้น ผมจะได้มีสมองไว้ทำอย่างอื่น ขอให้เห็นใจซึ่งกันและกันด้วย ผมก็ทำให้เต็มที่อยู่แล้ว ต้องไว้วางใจซึ่งกันและกันบ้าง อะไรที่ไม่ใช่ประเด็นปัญหา ก็อย่าไปเปิดขึ้นมาเลย” ด้าน นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงกรณีมีชื่อจะไปเป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ว่า ไม่ทราบ แต่ขณะนี้ได้รักษาการ รมว.ดีอีเอสตามมติ ครม. ส่วนเรื่องการปรับ ครม.นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แจ้งในครม.แล้วว่า จะทำให้เร็วที่สุด อยู่ที่ว่านายกฯ จะดำเนินการอย่างไร สำหรับตนไม่ได้มีนัยอะไร ขอทำหน้าที่รักษาการไปพลางก่อน ซึ่งข้อเท็จจริงจะกระจ่างอย่างไร อยู่ที่นายกฯ จะพิจารณา แต่ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งใดๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้านายกฯมอบหมายให้รับตำแหน่ง รมว.ดีอีเอส พร้อมใช่หรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ตนพร้อมในส่วนนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะป็นงานด้านไหน ซึ่งนายกฯเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม ตนพร้อมมาตลอดตั้งแต่นายกฯไว้วางใจให้เป็นรัฐมนตรีวัฒนธรรม และพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะอยู่ในสถาวนะใดแบบใดก็ยินดี เพราะเรามีความตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง เมื่อถามว่า ในช่วงรักษาการดีอีเอสสามารถไปจัดการเรื่องไอโอที่เกี่ยวกับด้านความมั่นคงได้หรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ปอท. ได้มอนิเตอร์ 24 ชั่วโมง และรวบรวมหลักฐานและส่งข้อมูลต่อมาทางดีอีเอสตามขั้นตอน ส่วนการดำเนินการเรื่อง มาตรา 112 ก็เป็นไปตามกฎหมายตามที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดีอีเอส ทำไว้ เพราะเขาทำมาอยู่แล้ว ทางด้าน นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการปรับ ครม.ที่มีชื่อถูกโยกไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ ว่า “ไม่เคยได้ข่าว ไม่ได้ข่าวจริงๆ” ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุปรับเล็ก และรอประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น แสดงว่า ในพรรค พปชร.จบแล้ว นายอนุชา กล่าวว่า หัวหน้าพรรค พปชร. คงคุยกับนายกฯมากกว่า ตนไม่ได้เข้าไปในส่วนนี้ อยู่ที่ผู้ใหญ่พิจารณา เมื่อถามว่า พร้อมหรือไม่หากต้องไปเป็นรมว.ศึกษาธิการ นายอนุชา กล่าวว่า ยังไม่มี ยังไม่คุย ส่วน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อให้เป็นรมว.ศึกษาธิการ หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในการปรับ ครม.ครั้งนี้ ว่า ตนไม่ทราบเรื่อง ตนเองก็เพิ่งเห็นข่าวจากสื่อเช่นกัน รวมถึงขณะนี้ไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบ โดยเรื่องการปรับ ครม. เป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่สมาชิกให้อำนาจเด็ดขาดในการพิจารณาเสนอรายชื่อบุคคลของพรรคพลังประชารัฐ “ที่ผ่านมาผมทำงานไม่ว่าจะในบทบาทไหนเต็มที่มาตลอด เพราะตั้งใจมาทำงานให้บ้านเมืองอยู่แล้ว และพร้อมทำงานทุกอย่างตามที่ผู้ใหญ่มอบหมายอย่างเต็มที่”นายชัยวุฒิ กล่าว ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกเอกสารข่าวแจ้งว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 (1) และศาลรัฐธรรมนูญได้รับหนังสือความเห็นจากพยานผู้เชี่ยวชาญ 4 คน คือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ,นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ,นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ และนายอุดม รัฐอมฤต รวมทั้งหนังสือความเห็นของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง และคณะ ที่ยื่นคำร้องขอส่งบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริง และความเห็นแล้ว ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่าแม้คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ซึ่งที่ประชุมของรัฐสภามีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย และประธานรัฐสภาส่งเรื่องต่อศาล มิใช่การกระทำของสมาชิกรัฐสภาเป็นรายบุคคล แต่เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาของศาลจึงสั่งรับไว้เพื่อประกอบการพิจารณา และศาลได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่งและกำหนดนัดด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติในวันที่ 11 มี.ค. เวลา 09.30 น.