เพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ได้โพสต์ข้อมูล โดยระบุ ว่า REDEM เผยการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยเบื้องต้น ในวันที่รัฐยกระดับความรุนแรง และการชุมนุมแบบไม่มีแกนนำ ในการชุมนุมช่วงหลังๆ จะสังเกตได้ว่า รัฐกระทำรุนแรงกับประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างความหวาดกลัวในการเรียกร้องประชาธิปไตยและสังคมที่ยุติธรรม นี่ไม่ใช่เรื่องของความชอบธรรมในการฆ่าหรือ Lisense to kill อะไรทั้งสิ้น เพราะนี่ไม่ใช่ความผิดของเหยื่อ แต่รัฐไม่ควรสังหารประชาชนของตนเองเพียงเพราะออกมาเรียกร้องความยุติธรรม/ความเสมอภาค เราจึงจำเป็นต้องศึกษาหาวิธีปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยเบื้องต้น เพื่อป้องกันตนเองจากรัฐอำมหิต ทำไมการชุมนุมแบบไม่มีแกนนำจึงสร้างความกดดันให้รัฐมากเป็นพิเศษ: ก่อนอื่นต้องเท้าความก่อนว่าในประเทศที่ดัชนีความเป็นประชาธิปไตยสูง การชุมนุมแบบไม่มีแกนนำ การชุมนุมที่ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของในการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปรกติ เนื่องจากนี่คือจุดตั้งตนของกระบวนการประชาธิปไตย เป็นการสร้างวัฒนธรรมการต่อสู้และไม่ยอมจำนน หากพบเจอกับความอยุติธรรม โดยไม่จำเป็นต้องรอกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่งลุกขึ้นมาตัดสินใจนำ นี่เป็นกระบวนการที่จะสามารถรักษาไว้ซึ่งประชาธิปไตยในระยะยาว และเมื่อไม่มีแกนนำ นั่นเท่ากับการที่รัฐ จะทำลายขบวนการเคลื่อนไหวได้ยากยิ่งขึ้น ไม่สามารถจับใครคนใดคนหนึ่งเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวนั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่รัฐไม่ต้องการให้เกิดขึ้น แต่ความสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ของการเคลื่อนไหวแบบไม่มีแกนนำ เป็นสิ่งสำคัญ หากไม่มีแกนนำหรือรถเครื่องเสียงแล้วเราต้องฟังใคร: ในหลายประเทศการชุมนุมแบบไร้แกนนำมักใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อตัดสินใจเรื่องต่างๆ ร่วมกัน เช่นสถานที่ เวลา และอื่นๆ ซึ่งการเคลื่อนไหวของ REDEM นั้น การตัดสินใจร่วมกันจะทำผ่าน TELEGRAM(https://t.me/joinchat/WPHvj-Vc6d80YWQ1) ซึ่งในขณะหน้างานอาจต้องร่วมกันกระจายข่าวสารด้วยเสียง สัญญาณมือหรือป้ายข้อความ ดังเช่นที่ในฮ่องกงเคยใช้ หากเรื่องใดที่ไม่ได้มีการตัดสินใจร่วมกันจำเป็นต้องใช้ไหวพริบในการจัดการกับปัญหานั้นๆ แล้วจะทำอย่างไรหากไม่มีการ์ด: ไม่มีการต่อสู้กับรัฐใดที่รับรองได้ว่าปลอดภัย 100% หรือแม้แต่บรรเทาความรุนแรงได้ พื้นที่ปลอดภัยอาจไม่มีอยู่จริง เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่ารัฐจะใช้ความรุนแรงเมื่อไหร่หรือวิธีใดบ้าง ผู้ชุมนุมจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมรับกับสถานการณ์เสี่ยงหากเกิดการปะทะ หรือหากไม่พร้อมสำหรับการปะทะ ควรศึกษาหาเส้นทางหลบเลี่ยงล่วงหน้า และออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด ป้องกันมือที่ 3 หรือ io ที่แฝงตัวอย่างไร: การป้องกันมือที่ 3 และ io อาจต้องอาศัยการช่วยกันสังเกตความผิดปกติต่างๆ อย่างไรก็ตามการป้องกันนั้นไม่อาจทำได้ 100% เนื่องจากผู้ที่แฝงตัวนั้นถูกฝึกจากรัฐมาเป็นเวลานานและค่อนข้างมีประสบการณ์ หากมีคนเจ็บ/โดนจับ จะทำอย่างไร: ม็อบคือการต่อสู้กับอำนาจรัฐ รัฐที่ผูกขาดความรุนแรงครบมือ ทั้งกองกำลัง กฎหมาย และสื่อ ความรุนแรงใดๆ หน้าที่ของรัฐจึงเป็นผู้ที่รักษาความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุม มิใช่การทำร้ายผู้ชุมนุม รัฐจึงควรเป็นผู้รับผิดชอบซึ่งความรุนแรงที่กระทำต่อผู้ชุมนุมทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม ในจุดชุมนุมจะมีอาสาพยาบาลที่รับส่งหากเกิดเหตุฉุกเฉินและหากถูกจับ สำคัญที่สุดคือต้องมีผู้ที่รู้ว่าเราถูกจับ โดยปกติแล้วสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองคือสามารถแจ้งบุคคลที่ไว้วางใจ/ทนายได้หากถูกควบคุมตัว * ควรมีเบอร์เรียกรถพยาบาลติดไว้หากอยู่ในจุดที่ไม่มีหน่วยพยาบาลอยู่ และควรมีเบอร์ทนายความหรือศูนย์ทนายเพื่อติดต่อในยามฉุกเฉิน วิธีการต่อสู้/เส้นสันติวิธี: แต่ละคนมีเส้นสันติวิธีไม่เท่ากัน จึงอาจมีการกระทบกระทั่งกันบ่อยครั้ง แต่หากเราเชื่อว่านี่คือการต่อสู้ที่เราทุกคนเท่ากัน ในการชุมนุมแบบไร้แกนนำจึงจำเป็นต้องเปิดรับแนวทางการต่อสู้ให้กว้างขึ้น เช่น การสาดสีหรือเผารูป บางคนอาจมองว่าคือความรุนแรง แต่บางคนนั้นมองว่าไม่รุนแรง หากเจ้าหน้าที่ขอเจรจา: ไม่มีใครเจรจาต่อรองข้อเรียกร้องกับเจ้าหน้าที่ได้เต็มที่ 100% เพราะการชุมนุมแบบไม่มีแกนนำคือการที่ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของการเคลื่อนไหว ความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น: การชุมนุมแบบไม่มีแกนนำ และทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของการเคลื่อนไหว ผู้ที่ออกมาต่อสู้ทุกคนจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบในความเสี่ยงของตัวเอง นี่คือการต่อสู้ของผู้คนที่มีสถานะเท่ากัน ผู้กระทำความรุนแรงต่อประชาชนหลายสิบปีคือรัฐ ทั้งการฉีกรัฐธรรมนูญจากประชาชน และอื่นๆ นับไม่ถ้วน รัฐได้ยกระดับแล้ว ไม่ว่าเราจะสู้ด้วยวิธีใด จะนั่งพับเพียบ จะตรึงกำลังตั้งแนวป้องกันเป็นโล่มนุษย์ รัฐก็พร้อมโต้กลับอย่างรุนแรงไร้มนุษยธรรมอยู่ดีหากต้องการรักษาไว้ซึ่งอำนาจ ประชาธิปไตยโดยตัวมันเองนั้นบอบบาง แต่จะลงหลักปักฐานและแข็งแกร่งได้ก็ด้วยพลังของประชาชน สิทธิต่างๆ ที่ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนทุกวันนี้ เช่น สิทธิในการลาคลอด วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นั้นเกิดขึ้นมาได้ก็เพราะการต่อสู้ของมวลชน ดังคำกล่าวที่ว่า “เสรีภาพไม่ได้ติดตัวมนุษย์โดยกำเนิด แต่เกิดจากการต่อสู้”
ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH