รวบกะเทยลาวปฏิบัติการเย้ยกฎหมาย ชักมีดทรัพย์นักธุรกิจชาวอินเดียหลังโรงพักพัทยา ด้านเจ้าตัวให้การภาคเสธ ไม่ได้ใช้อาวุธมีด-แต่ทำทีโอบกอดแล้วล้วงกระเป๋า เพราะความเมาเลยก่อเหตุใกล้โรงพัก และคิดว่า “สถานที่ที่อันตรายที่สุด คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 ก.ย.59 พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พ.ต.ท.สมพาน สุขสำราญ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.พงศ์สุรวัฒน์ วงษ์สารัมย์ สว.สส. พร้อมด้วย พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท. และกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา , ชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ร่วมกันจับกุม ท้าวทองใส สีบุนเฮือง หรือกบ อายุ 22 ปี สัญชาติลาว ถือหนังสือเดินทางเลขที่ P1819227 หนึ่งผู้ต้องหาร่วมกันใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ สีน้ำเงิน-ขาว ทะเบียน 1กพ-7980 ชลบุรี ที่ใช้ในการก่อเหตุ
สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกของวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ท้าวทองใส สีบุนเฮือง สาวประเภทสองชาว สปป.ลาว ได้ร่วมกับเพื่อนสาวชาวไทย ใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์ Mr.Hussain Qureshi อายุ 52 ปี กับ Mr.Arshad Hussain Ansari อายุ 49 ปี สองนักธุรกิจชาวอินเดีย เหตุเกิดบริเวณด้านหลัง สภ.เมืองพัทยา ในซอย 9 ถนนเลียบชายหาดพัทยา ได้กระเป๋าสตางค์ของทั้งคู่ ภายในมีทั้งเงินสดสกุลไทย , รูปีร์ และสกุลดอลล่าห์สหรัฐ รวมกันแล้วคิดเป็นเงินไทยทั้งหมด 65,511 บาท แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ต่อมาตำรวจตามแกะรอยจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งสอบปากคำพยานแวดล้อม จนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ น.ส.วัลนิภา ชัยภาพ หรืออิ๋ว อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ต.พระยืน อ.พระยืน จ.ขอนแก่น ซึ่งถูกตำรวจท่องเที่ยวจับกุมข้อหาลักทรัพย์ไปเมื่อ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา กับ ท้าวทองใส สีบุนเฮือง กะเทยสัญชาติลาว จึงติดตามไปจับกุมท้าวทองใส ได้ที่ห้องพักในลุมพินีคอนโดมิเนียม ถนนสุขุมวิท ต.นาเกลือ อ.บางละมุง คุมตัวมาสอบสวนให้การภาคเสธว่า ในวันเกิดเหตุตนเองทำหน้าที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่วน น.ส.วัลนิภา นั่งซ้อนท้าย เมื่อเจอเหยื่อชาวอินเดียทั้ง 2 คน เดินอยู่ในซอย 9 ถนนเลียบชายหาดพัทยากลาง หลัง สภ.เมืองพัทยา จึงจอดรถแล้วทำทีลงไปทำท่าโอบกอดชักชวนไปร่วมหลับนอน พอเหยื่อเคลิ้มจึงแอบล้วงกระเป๋าสตางค์แล้วหลบหนีไป ส่วนเหตุผลที่เลือกสถานที่ก่อเหตุใกล้เคียงสถานีตำรวจนั้นเป็นเพราะมึนเมาสุราและถูกเพื่อนยุ ประกอบกับโดยส่วนตัวคิดว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุด คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด จนกระทั่งมาถูกตำรวจตามจับกุมตัวดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัว ท้าวทองใส ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ห่างจาก สภ.เมืองพัทยา ราวๆ 100 มตร ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธ และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” และส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 ก.ย.59 พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พ.ต.ท.สมพาน สุขสำราญ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.พงศ์สุรวัฒน์ วงษ์สารัมย์ สว.สส. พร้อมด้วย พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท. และกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา , ชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ร่วมกันจับกุม ท้าวทองใส สีบุนเฮือง หรือกบ อายุ 22 ปี สัญชาติลาว ถือหนังสือเดินทางเลขที่ P1819227 หนึ่งผู้ต้องหาร่วมกันใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ สีน้ำเงิน-ขาว ทะเบียน 1กพ-7980 ชลบุรี ที่ใช้ในการก่อเหตุ
สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกของวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ท้าวทองใส สีบุนเฮือง สาวประเภทสองชาว สปป.ลาว ได้ร่วมกับเพื่อนสาวชาวไทย ใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์ Mr.Hussain Qureshi อายุ 52 ปี กับ Mr.Arshad Hussain Ansari อายุ 49 ปี สองนักธุรกิจชาวอินเดีย เหตุเกิดบริเวณด้านหลัง สภ.เมืองพัทยา ในซอย 9 ถนนเลียบชายหาดพัทยา ได้กระเป๋าสตางค์ของทั้งคู่ ภายในมีทั้งเงินสดสกุลไทย , รูปีร์ และสกุลดอลล่าห์สหรัฐ รวมกันแล้วคิดเป็นเงินไทยทั้งหมด 65,511 บาท แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ต่อมาตำรวจตามแกะรอยจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งสอบปากคำพยานแวดล้อม จนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ น.ส.วัลนิภา ชัยภาพ หรืออิ๋ว อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ต.พระยืน อ.พระยืน จ.ขอนแก่น ซึ่งถูกตำรวจท่องเที่ยวจับกุมข้อหาลักทรัพย์ไปเมื่อ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา กับ ท้าวทองใส สีบุนเฮือง กะเทยสัญชาติลาว จึงติดตามไปจับกุมท้าวทองใส ได้ที่ห้องพักในลุมพินีคอนโดมิเนียม ถนนสุขุมวิท ต.นาเกลือ อ.บางละมุง คุมตัวมาสอบสวนให้การภาคเสธว่า ในวันเกิดเหตุตนเองทำหน้าที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่วน น.ส.วัลนิภา นั่งซ้อนท้าย เมื่อเจอเหยื่อชาวอินเดียทั้ง 2 คน เดินอยู่ในซอย 9 ถนนเลียบชายหาดพัทยากลาง หลัง สภ.เมืองพัทยา จึงจอดรถแล้วทำทีลงไปทำท่าโอบกอดชักชวนไปร่วมหลับนอน พอเหยื่อเคลิ้มจึงแอบล้วงกระเป๋าสตางค์แล้วหลบหนีไป ส่วนเหตุผลที่เลือกสถานที่ก่อเหตุใกล้เคียงสถานีตำรวจนั้นเป็นเพราะมึนเมาสุราและถูกเพื่อนยุ ประกอบกับโดยส่วนตัวคิดว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุด คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด จนกระทั่งมาถูกตำรวจตามจับกุมตัวดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัว ท้าวทองใส ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ห่างจาก สภ.เมืองพัทยา ราวๆ 100 มตร ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธ และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” และส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.