วันที่ 18 ก.พ. 2564 เวลา 17.30 น. ณ ห้องปฏิบัติการงานสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สภ.เมืองหนองคาย, นายเทอดศักดิ์ อังพัฒนพงษ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ร่วมกันสอบสวนจับกุม นางสาวรุ่งทิวา คำแพงศรี อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่ 5 ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย (สาวทอม)และ นายเจษฎาภรณ์ ชุมศร อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 237 หมู่ 12 ต.จุมพล อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น
ทั้งนี้ พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สภ.เมืองหนองคาย ได้รับการประสานจาก นายเทอดศักดิ์ อังพัฒนพงษ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดหนองคาย ว่ามีญาติผู้ต้องขังแจ้งว่าหญิงคนหนึ่งลักษณะเป็นทอมอ้างจะช่วยวิ่งเต้นให้ผู้ต้องขังได้รับดูแลที่สะดวกสบายระหว่างที่อยู่ในเรือนจำและได้รับการพักโทษเร็วขึ้น โดยเรียกเก็บเงิน 2 ครั้ง ๆ ละ 2,000 -2,500 บาท
โดยโอนเงินเข้าบัญชีของนายเจษฎาภรณ์ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุม โดยนัดให้นางสาวรุ่งทิวา มารับเงินสด 2,000 บาท แทนการโอนเข้าบัญชี และสามารถจับกุมได้บริเวณหลังวัดป่าโพนงาม ต.วัดธาตุ อ.เมืองหนองคาย ซึ่งทั้งสองคนยอมรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุจริง โดยจะไปดูลาดเลาและหาเหยื่อที่พอจะหลงเชื่อได้ง่ายแล้วตีสนิทก่อนจะเรียกหาผลประโยชน์ดังกล่าว
ด้านนายเทอดศักดิ์ อังพัฒนพงษ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ขออย่าให้ญาติผู้ต้องขังหลงเชื่อกับการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการหลอกลวงและฉ้อโกง เนื่องจากผู้ต้องขังทุกคนจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันหมด ไม่มีการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใดผู้หนึ่งเกินจากกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์ และการที่จะได้รับการพิจารณาพักโทษก็ต้องเป็นไปตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ทุกประการ ไม่สามารถวิ่งเต้นได้ หากพบเห็นการกระทำในลักษณะดังกล่าวขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เรือนจำหนองคายทันที.
ทั้งนี้ พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สภ.เมืองหนองคาย ได้รับการประสานจาก นายเทอดศักดิ์ อังพัฒนพงษ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดหนองคาย ว่ามีญาติผู้ต้องขังแจ้งว่าหญิงคนหนึ่งลักษณะเป็นทอมอ้างจะช่วยวิ่งเต้นให้ผู้ต้องขังได้รับดูแลที่สะดวกสบายระหว่างที่อยู่ในเรือนจำและได้รับการพักโทษเร็วขึ้น โดยเรียกเก็บเงิน 2 ครั้ง ๆ ละ 2,000 -2,500 บาท
โดยโอนเงินเข้าบัญชีของนายเจษฎาภรณ์ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุม โดยนัดให้นางสาวรุ่งทิวา มารับเงินสด 2,000 บาท แทนการโอนเข้าบัญชี และสามารถจับกุมได้บริเวณหลังวัดป่าโพนงาม ต.วัดธาตุ อ.เมืองหนองคาย ซึ่งทั้งสองคนยอมรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุจริง โดยจะไปดูลาดเลาและหาเหยื่อที่พอจะหลงเชื่อได้ง่ายแล้วตีสนิทก่อนจะเรียกหาผลประโยชน์ดังกล่าว
ด้านนายเทอดศักดิ์ อังพัฒนพงษ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ขออย่าให้ญาติผู้ต้องขังหลงเชื่อกับการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการหลอกลวงและฉ้อโกง เนื่องจากผู้ต้องขังทุกคนจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันหมด ไม่มีการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใดผู้หนึ่งเกินจากกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์ และการที่จะได้รับการพิจารณาพักโทษก็ต้องเป็นไปตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ทุกประการ ไม่สามารถวิ่งเต้นได้ หากพบเห็นการกระทำในลักษณะดังกล่าวขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เรือนจำหนองคายทันที.