จากนั้นเวลา 17.45 น. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวหานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ว่า นายณัฏฐพลมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอนาคตของนักเรียนไทย และรับผิดชอบดูแลครูกว่า 600,000 คน ใช้งบประมาณด้านการศึกษาปีละมากกว่า 400,000 ล้านบาท แต่กลับใช้อำนาจไปเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง แลกกับการไร้ปัจจุบันและไร้อนาคตของนักเรียนและครูทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นที่ประจักษ์ว่า นายณัฏฐพลไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคารพหลักการสิทธิมนุษยชน ละเว้นและบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ขาดวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำที่ดี ใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำในลักษณะกดขี่ข่มเหงข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีบุคคลหลายรายซึ่งเป็นพวกพ้องของตนเข้าสู่ตำแหน่ง และแสวงหาประโยชน์โดยการทุจริต โดยเมื่อวันที่ 23 มี.ค.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ออกหนังสือ เลขที่ 04001/ว1692 เรื่องเปิดพื้นที่ปลอดภัยในสถานศึกษาและไม่กีดกันให้นักเรียนสามารถทำกิจกรรม แสดงออกได้อย่างมีเสรีภาพและสร้างสรรค์ แต่ไม่กี่เดือนหลังหนังสือฉบับนี้ กลับเกิดเหตุทั้งการล้วงข้อมูลในโซเชียลมีเดียของนักเรียน การขู่จะฟ้องนักเรียนที่ตั้งคำถามเรื่องของทรงผม มีข้อความในไลน์ของคุณครูหลุดออกมาสั่งห้ามชุมนุมทางการเมือง และมีกรณีที่ไม่ปรากฏเป็นข่าวอีกมากมาย นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า กรณีของนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กตามต่างจังหวัด ที่มีสภาพย่ำแย่ภายใต้ความรับผิดชอบของนายณัฏฐพล โดยระบุว่าประการแรก ตนอยากจะให้ดูสถิตินักเรียนยากจนและนักเรียนยากจนพิเศษ ที่รวบรวมโดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา แม้นักเรียนยากจนจะลดลง แต่ก็ไม่ได้หายจากความยากจน กลับกลายเป็นนักเรียนยากจนพิเศษที่เพิ่มขึ้นจาก 711,536 คน เป็น 994,428 คน ภายในระยะเวลาแค่ 1 ปีเท่านั้น นักเรียนยากจนพิเศษ คือ นักเรียนที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้ 1,000 บาทต่อเดือน ถ้าเรารวมนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษเข้าด้วยกัน เรากำลังพูดถึงครอบครัวจำนวน 1,768,211 ครอบครัว ครอบครัวเหล่านี้ลำบากยากแค้นอยู่แล้ว โดยการปล่อยให้งบประมาณกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาถูกตัดไป 1,000 ล้านบาท ทำให้นักเรียนอย่างน้อย 200,000-300,000 คน เข้าไม่ถึงความเสมอภาคทางการศึกษา แม้จะเป็นแค่เงิน 3,000-4,000 บาทต่อปีที่ให้กับนักเรียนคนหนึ่ง แต่นั่นหมายถึงหนังสือ ชุดนักเรียน รองเท้า อุปกรณ์การเรียน และชีวิตของนักเรียนคนหนึ่ง “เรื่องราวอัปยศนี้เกิดขึ้นในวันที่ 12 ม.ค.2563 ครม.มีมติเห็นชอบแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) งบปี2565 วงเงินทั้งสิ้น 7,635 ล้านบาท แต่วันรุ่งขึ้นกลับตัดงบฯเหลือ 6,556.86 ล้านบาท ด้วยเหตุผลว่าเป็น “ภาระทางการคลัง” ทำไมรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาไม่มีท่าทีที่จะปกป้องงบประมาณที่จะช่วยบรรเทาความเหลื่อมล้ำ กลับทอดทิ้งนักเรียนหลายแสนคน ตนขอท้าให้นายณัฏฐพลเอาเชาวเลขมาเปิดดูให้ดู ว่าใครที่กล้าแอบเปลี่ยนมติ ครม. และรัฐมนตรีนั่งใบ้ทำอะไรอยู่ โดยในเดือนเดียวกัน รัฐบาลอนุมัติงบ473 ล้านบาทให้กระทรวงกลาโหมใช้แก้โควิด และยังได้อนุมัติงบประมาณให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 ล้านบาท รักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม แม้นายณัฏฐพลมีความพยายามเสนอให้ปรับค่าอาหารกลางวันของนักเรียน จากเท่ากันหมดให้ตามขนาดของโรงเรียน สุดท้ายเห็นชอบปรับค่าอาหารกลางวันนักเรียนเป็น 21 บาทต่อคนต่อวัน ขึ้นมาบาทเดียว สุดท้ายนักเรียนก็ยังหิวเหมือนเดิม เพิ่มไข่สักฟองก็ยังไม่ได้ โชคดีที่ยังขึ้นให้ตั้ง 1 บาท ถ้าขึ้นให้แค่ 75 สตางค์ ผมจะเรียกท่านว่า รัฐมนตรีไม่เต็มบาท ออกไปได้แล้วครับคุณณัฐพล น่าอับอายขนาดนี้ ปาตี้ลิสท์อันดับอื่นพรรคท่านเค้ารอเป็นอยู่”ส.ส.ก้าวไกล กล่าว นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า สองปีผ่านมาแล้วนายณัฏฐพลไม่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับการศึกษาไทยเลย แถมยังใช้อำนาจแทรกแซงแต่งตั้ง ทำลายระบบคุณธรรมใน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เป็นเพราะ สกสค.จะทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ สวัสดิภาพ สวัสดิการครู และบริหารสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท และ สกสค.ต้องการคนที่เหมาะสม เข้าใจและเชี่ยวชาญในบริบทของการศึกษา โดยเฉพาะในสวัสดิการและสวัดิภาพของครูใช้อำนาจแทรกแซงแต่งตั้ง ทำลายระบบคุณธรรมใน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) โดยตั้งนายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สกสค. และภายในระยะเวลาแค่ 20 วันก็แก้ไขระเบียบคณะอนุกรรมาการบริหารทรัพยากรบุคคลปี 2560 เปิดทางนายธนพร สมศรี ได้รับการสรรหาเป็นเลขาธิการ สกสค. ทั้งที่เป็นคนไม่มีคุณสมบัติ ไม่มีความเหมาะสม เป็นนักธุรกิจอาหาร ทำฟุตบอล ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับวงการการศึกษา แต่กลับเหยียบหัวคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกว่า ขึ้นไปบริหาร สกสค.ได้ ขณะที่ สกสค.เป็นองค์กรที่มีปัญหามาก มีการทุจริตคอรัปชั่น นำเงินกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ชพค.) ไปลงทุนในบริษัทที่ขาดทุนหลักพันล้าน และนำไปปล่อยกู้แบบไม่ชอบมาพากล จนมีปัญหาหนี้สะสมต่อเนื่อง 15 ปี จนทำให้ต้องปลดพนักงานกว่า 961 คนในปีที่ผ่านมา โดยนายธนพรถูกส่งเข้ามา อ้างว่าเพื่อเข้ามาจัดการกับองค์กรและแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น แต่ตลอดสองปีที่ผ่านมา ครูทั่วประเทศตั้งคำถามกับเลขาธิการ สกสค.มากที่สุด “ท่านอ้างว่าจะมาปราบโกง มันต้องโกงขนาดนี้เลยหรอคร นี่คือการใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำในลักษณะกดขี่ข่มเหงข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้พวกพ้องตัวเองเข้าสู่ตำแหน่ง ทำลายระบบยุติธรรม ระบบคุณธรรมของวงการศึกษาจนหมด งานที่ควรทำไม่ทำ มาทำแต่เรื่องการเมือง เรื่องการยึดอำนาจในกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการที่น่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย กับผลประโยชน์ของนักเรียน สู้ให้อาหารกลางวันแค่บาทเดียว พอผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง สู้เอามาแบบไม่อายประชาชน ไม่อายคุณครูทั่วประเทศเลย” นายปดิพัทธ์ กล่าว