วันที่ 25 ส.ค.60 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลาอ่านคำพิพากษานานกว่า 5 ชั่วโมง ในคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ได้มีคำตัดสินให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ จำคุก 42 ปี ไม่รอลงอาญา นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ มีโทษจำคุก 36 ปี ไม่รอลงอาญา นายมนัส สร้อยพร อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 40 ปี นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำคุก 32 ปี นายอัครพงษ์ ช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ 24 ปี และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร จำคุก 48 ปี ส่วนจำเลยอื่นศาลลงโทษจำคุกลดหลั่นและพิพากษาให้บริษัทสยามอินดิก้า จำเลยที่ 10 นายอภิชาติ จำเลยที่ 14 และนายนิมนต์ หรือโจ รักดี จำเลยที่ 15 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับกระทรวงการคลัง 16,912,128,277.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันรับมอบข้าวตามสัญญาแต่ละฉบับ นอกจากนี้ให้จำเลย คนอื่นรับผิดขอบค่าเสียหายตามส่วนเช่นเดียวกัน ยกฟ้องจำเลยที่ 19, 22 ถึง 28 ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายบุญทรง นายภูมิ ขึ้นรถเรือนจำทันที
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การทำสัญญาแบบจีทูจี ย่อมก่อให้เกิดผลผูกพันต่อรัฐ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องปฎิบัติตามสัญญา ผู้มีอำนาจลงนามในสัญญาจึงต้องเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐ ภายหลังเริ่มต้นโครงการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายภูมิ เป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวและให้ใช้เกณฑ์ราคาขายแบบหน้าคลังสินค้าซึ่งผิดไปจากแนวทางปฎิบัติกรณีการขายแบบรัฐต่อรัฐ ส่อไปในทำนองที่ว่าจัดทำยุทธศาสตร์การระบายข้าวเพื่อรองรับรัฐวิสาหกิจมาทำสัญญาแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องได้รับมอบหมายจากรัฐบาลของผู้ซื้อ หลังจากนั้นนายภูมิได้มีความเห็นชอบผลการเจรจาซื้อข้าวสองฉบับให้ขายข้าวกับบ.กว่างตง รัฐวิสาหกิจจากประเทศจีน ซึ่งไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนสองสัญญา สัญญาฉบับที่ 1 ตกลงซื้อข้าวทุกชนิดในสต๊อคของรัฐบาลไทย ปริมาณ 2,395,000 ตัน ในราคาตันละ 1 หมื่นบาท ต่ำกว่าราคาท้องตลาดทำให้ชาติได้รับความเสียหายเป็นเงิน 971,716,517,790 ฉบับที่ 2 ตกลงขายข้าว 5% ข้าวเหนียว 100% ข้าวหอมมะลิหัก ปี 2554/2555 จำนวน 2,000,000 ตัน ทำให้ประเทศเสียหาย 1,294,109,767.87 บาท ต่อมานายบุญทรง ได้รับการแต่งตั้งเป็นรมว.พาณิชย์ และได้รับตำแหน่งเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวแทนนายภูมิและได้รับความเห็นชอบสัญญาแบบจีทูจี กับบริษัทดังกล่าวจำนวน 1 ฉบับ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2555 ตกลงขายขาวข้าว ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย 5,694,748,116.09 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การทำสัญญาแบบจีทูจี ย่อมก่อให้เกิดผลผูกพันต่อรัฐ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องปฎิบัติตามสัญญา ผู้มีอำนาจลงนามในสัญญาจึงต้องเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐ ภายหลังเริ่มต้นโครงการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายภูมิ เป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวและให้ใช้เกณฑ์ราคาขายแบบหน้าคลังสินค้าซึ่งผิดไปจากแนวทางปฎิบัติกรณีการขายแบบรัฐต่อรัฐ ส่อไปในทำนองที่ว่าจัดทำยุทธศาสตร์การระบายข้าวเพื่อรองรับรัฐวิสาหกิจมาทำสัญญาแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องได้รับมอบหมายจากรัฐบาลของผู้ซื้อ หลังจากนั้นนายภูมิได้มีความเห็นชอบผลการเจรจาซื้อข้าวสองฉบับให้ขายข้าวกับบ.กว่างตง รัฐวิสาหกิจจากประเทศจีน ซึ่งไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนสองสัญญา สัญญาฉบับที่ 1 ตกลงซื้อข้าวทุกชนิดในสต๊อคของรัฐบาลไทย ปริมาณ 2,395,000 ตัน ในราคาตันละ 1 หมื่นบาท ต่ำกว่าราคาท้องตลาดทำให้ชาติได้รับความเสียหายเป็นเงิน 971,716,517,790 ฉบับที่ 2 ตกลงขายข้าว 5% ข้าวเหนียว 100% ข้าวหอมมะลิหัก ปี 2554/2555 จำนวน 2,000,000 ตัน ทำให้ประเทศเสียหาย 1,294,109,767.87 บาท ต่อมานายบุญทรง ได้รับการแต่งตั้งเป็นรมว.พาณิชย์ และได้รับตำแหน่งเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวแทนนายภูมิและได้รับความเห็นชอบสัญญาแบบจีทูจี กับบริษัทดังกล่าวจำนวน 1 ฉบับ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2555 ตกลงขายขาวข้าว ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย 5,694,748,116.09 ล้านบาท