CCPเผยทิศทางธุรกิจปี 2564 มองครึ่งปีแรกชะลอ แนวโน้มครึ่งปีหลังดีกว่า งานโครงการภาครัฐหนุน-ภาคเอกชน นิคมอุตสาหกรรม ทยอยลงทุน ชูกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนการผลิต เพิ่มมาร์จิ้น พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ คอนกรีตสำเร็จรูปรองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน งาน Landscape เดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ ตั้งเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน ตุนแบ็กล็อกแล้ว 1,800 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 2564 ครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบในระยะสั้นจากการแพร่ระบาดโควิด 19 ปิดเมืองชลบุรี ส่งผลให้งานชะลอหรือต้องเลื่อนส่งมอบงาน คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีกว่าครึ่งปีแรก จากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน โครงการปรับปรุงทางหลวง โครงการถนนสายรองในพื้นที่อู่ตะเภา มาบตาพุด ชลบุรี โครงการพัฒนาท่าเรือ แหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 อีกทั้งยังมีโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานถนน อาคารสำนักงาน ขณะที่นโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ EEC ผลักดันให้เกิดการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทยอยลงทุนในโครงการใหม่
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนการผลิต-การขาย ลดค่าใช้จ่ายพร้อมเสริมศักยภาพการแข่งขันและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mix) เนื่องจากเทรนด์การก่อสร้างในปัจจุบันใช้ระยะเวลาที่สั้นลง ต้องปรับกลยุทธ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะให้บริการในลักษณะ Mobile Plant โดยจัดตั้งแพลนท์ปูนชั่วคราวที่สามารถรื้อถอนได้ ให้บริการเช่ารถขนส่ง ขายคอนกรีต รวมทั้งให้บริการตรวจสอบคุณภาพผงปูน
ขณะที่ด้านสินค้า Precast ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์สเปกพิเศษ ออกสินค้านวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ งานถนน งานสะพาน งานเอาสายไฟฟ้าลงใต้ดิน ขยายฐานลูกค้าไม่จำกัดเฉพาะภาคตะวันออก มุ่งเน้นเข้าประมูลงานทั่วประเทศ
ส่วนสินค้าประเภทบล็อกคอนกรีตสำเร็จรูป อาทิ รางระบายน้ำ Precast สำหรับงานจัดการ Landscape มีความต้องการใช้งานเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันมีหน่วยงานหลายแห่งเริ่มนำผลิตภัณฑ์เข้าไปใช้ในงานด้าน Landscape บริษัทจะเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้จะมุ่งเน้นการเปิดตลาดใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าและกระจายความเสี่ยง รวมทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ผ่านช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศ
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 1,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง โดยบริษัทจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทยังคงเน้นเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับเป้าหมายการเติบโตปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท หากการแพร่ระบาดโควิด-19 จบอย่างรวดเร็วในครึ่งปีแรก และสัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20%