กพท.มอบใบ AOCให้ “สายการบินนิวเจน” ที่สามารถปรับปรุงแก้ไขสายการบินให้เป็นไปตามมาตรฐานICAO “นิวเจน”เตรียมสยายปีกมุ่งอาเซียนมากขึ้น ประเดิม“เมียนมา”ต.ค.นี้ ตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 8พันล้าน วันนี้ (24 สิงหาคม 2560) นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เชิญสายการบินนิวเจน โดยนายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน พร้อมคณะผู้บริหารของสายการบิน เข้ารับมอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC) โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานและสักขีพยานในครั้งนี้ นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้เห็นความมุ่งมั่นของสายการบินนิวเจนที่จะแก้ไข ปรับปรุงสายการบินของตนให้ได้ตามมาตรฐานที่ กพท. กำหนด เพื่อทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเชื่อมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยของสายการบินได้ ในวันนี้ ผมจึงขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับสายการบินนิวเจน สำหรับความสำเร็จ เพราะนอกจากจะส่งผลดีต่อสายการบินเองแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทยทางด้านการท่องเที่ยวด้วย เพราะนักท่องเที่ยวจีนมีความต้องการเดินทางมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และสายการบินนิวเจนเป็นสายการบินที่ให้บริการแบบเช่าเหมาลำในเส้นทาง ไทย-จีน มากที่สุดในประเทศไทย ดังนั้นกพท. ได้มอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC) ให้กับสายการบินของไทยที่ให้บริการระหว่างประเทศ รวมในครั้งนี้แล้วทั้งหมด 9 สายการบิน ซึ่งถึงแม้ว่าหลายสายการบินจะต้องระงับการให้บริการระหว่างประเทศทันที ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นไป ตามเงื่อนไขของ ICAO ที่จะเข้ามาตรวจสอบ ICVM (ICAO Coordinated Validation Mission) เพื่อปลดธงแดง แต่ กพท. ยืนยันว่าจะยังคงดำเนินการตรวจสอบสายการบินที่เหลือให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สายการบินที่ได้มาตรฐาน ยังสามารถผ่านการประเมินและกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง นายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ สายการบินนิวเจน กล่าวว่า จะเดินหน้าพัฒนาการให้บริการและขยายเส้นทางการบินอย่างเต็มรูปแบบ โดยได้วางแผนระยะยาวในช่วง 3-5 ปีที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น อาทิ ไต้หวัน เมียนมา และ อินเดีย จากเดิมที่เน้นเส้นทางบินไทย-จีน โดยจะเริ่มขยายเส้นทางไปสู่เมียน มาเป็นอันดับแรก คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในต.ค.นี้ และหลังจากเปิดเส้นทางบินดังกล่าวจะทำให้สายการบินนิวเจนมีเส้นทางการบินที่ให้บริการรวมทั้งสิ้น 46 เส้นทาง จากปัจจุบันที่มี 37 เส้นทาง นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดตัวเครื่องบินใหม่อีก 2 ลำภายในไตรมาส 3/60 และ อีก 1 ลำภายในสิ้นปี คาดว่าในปีนี้จะสามารถให้บริการนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านคน โดยในครึ่งปีที่ผ่านมาสามารถให้บริการนักท่องเที่ยวได้แล้ว 7 แสนคน และคาดว่ารายได้รวมทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 78% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4.5 พันล้านบาท