วันที่ 16 ก.พ.เวลา 10.45 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุม โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้อ่านญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 10 คน โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ มีพฤติการณ์ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้ตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก จากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจดิ่งเหว
มีการใช้อำนาจแลกผลประโยชน์ ทำให้การทุจริตแพร่กระจาย ไม่ต่างจากโรคระบาด จนได้ชื่อว่าเป็นยุคทุจริตเฟื่องฟู เบ่งบานมากที่สุด ปกปิดความผิดตนเองและพวกพ้อง ไม่รอบคอบใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง มุ่งแต่สร้างความนิยมชมชอบให้ตนเอง สร้างความแตกแยกในสังคม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ ทำลายผู้เห็นต่าง ละเลยให้มีบ่อนพนันกระจายไปทั่ว ไม่ยึดมั่นศรัทธาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การบริหารราชการแผ่นดินของพล.อ.ประยุทธ์ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ใช้งบประมาณรัฐสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้ตนเอง ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่ซื่อสัตย์สุจริต มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ ไม่ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีการแพร่ระบาดรอบสองอย่างกว้างขวาง รวดเร็ว สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจประเทศ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประชาชน ปกปิด อำพรางการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรค เพื่อเปิดช่องให้ทุจริต แสวงหาประโยชน์บนความเดือดร้อนของประชาชน ดำเนินนโยบายที่เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน
ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ บริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ลอยตัวหนีปัญหา เลือกปฏิบัติ พูดอย่างทำอย่าง ไม่ยึดหลักธรรมาภิบาล ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี แต่งตั้งบุคคลไม่มีคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถเพื่อแสวงหาประโยชน์ในลักษณะแบ่งแยกหน้าที่กันทำ ทุจริตในหน่วยงาน จงใจปกปิดข้อมูล ปกป้องการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ใช้อำนาจด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เสียสละ ไม่เปิดเผย และไม่มีความรอบคอบ ผลของการปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้หน่วยงานในกำกับเกิดความเสียหาย กระทบต่อผลประโยชน์ประเทศและประชาชนอย่างร้ายแรง
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย บริหารราชการแผ่นดินโดยมิคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศ และความผาสุกของประชาชน แต่ใช้อำนาจในตำแหน่งแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง ใช้กลไกทางกฎหมายวางแผนทุจริตอย่างเป็นระบบแยบยล ปล่อยปละละเลยให้องค์กรในกำกับทุจริตอย่างกว้างขวาง ใช้อำนาจด้วยความไม่ซื่อสัตย์ ไม่และปกปิดความผิดตนและบุคคลแวดล้อม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ส่วนนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่เคารพหลักการสิทธิมนุษยชน ละเว้นและบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ขาดวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำที่ดี ใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำในลักษณะกดขี่ข่มเหงข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีบุคคลหลายรายซึ่งเป็นพวกพ้องของตนเข้าสู่ตำแหน่ง และแสวงหาประโยชน์โดยการทุจริต มีพฤติกรรมฉ้อฉล ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต จงใจปกปิดข้อมูลเพื่อปิดบังการทุจริต
ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน บริหารราชการผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้ใช้แรงงาน ไม่กำกับควบคุมผู้ใช้แรงงานต่างด้าวให้เป็นระบบจนเกิดแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมาก สร้างผลกระทบอย่างชัดเจนต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนส่งผลเสียหายแก่ประเทศและเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง มีพฤติการณ์ใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนและพวกพ้อง สร้างความแตกแยกให้เกิดในสังคม ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังระหว่างผู้ที่เห็นต่าง
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า ส่วนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม บริหารราชการแผ่นดินโดยเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่เกิดกับประเทศชาติและประชาชน เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาด เพื่อให้มีสิทธิดำเนินงานในกิจการของรัฐ โดยไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ทุจริตต่อหน้าที่และปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในหน่วยงานที่กำกับดูแล สมคบกันเพื่อปิดบังการทุจริต
ส่วนนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่อง ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง โดยไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างเคร่งครัด ปกปิดข้อมูลความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในการยื่นหรือการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล กร่างเถื่อน และสร้างอิทธิพลให้กับบริวารและพวกพ้อง ปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ เสนอให้มีการแต่งตั้งคู่สมรสที่อยู่กินฉันสามีภรรยาเป็นข้าราชการการเมือง โดยไม่คำนึงถึงวุฒิภาวะและความเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงเมื่อนายสมพงษ์ พูดถึงสถาบัน แต่นายชวนประธานในที่ประชุม ระบุว่า การประท้วงไม่มีผล เพราะเป็นการอ่านตามญัตติ
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่จะเป็นวันถอยหลังเข้าสู่จุดจบของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ตลอดเวลา 6 ปี 8 เดือน 26 วัน เป็นรัฐบาลโง่เขลาเบาปัญญา บริหารประเทศทำให้เศรษฐกิจของประเทศพังพินาศประชาชนทุกข์ยากแสนเข็ญยิ่งกว่า รัฐบาลใดๆในรอบ 8 ปี มีการทุจริตใหญ่น้อย ประชาชนมีความทุกข์ยากถึงที่สุด ขัดข้องใจ ภายใต้การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ มีผู้ชาย จูงลูกไปพึ่งพาวัดหัวรอ จ.อยุธยา จนสุดท้ายกระโดดน้ำหนี แต่ลูกสาววัย 5 ขวบก็ตะโกนว่า พ่ออย่าทิ้งหนูไปแล้วก็กระโดดน้ำตายทั้งคู่ ตนอยากรู้จริงๆว่าในใจพล.อ.ประยุทธ์ รู้สึกอย่างไร สะเทือนใจหรือไม่ที่ประชาชนทุกข์ยากขนาดนี้นอนหลับแต่ละคืน และยิ้มแย้มแจ่มใสได้อย่างไร และไม่เคยทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนเมื่อ 6 ปีว่าจะคืนความสุข และบริหารประเทศแบบคิดไป ทำไป ไม่รอบคอบ กลับมาโยนความผิดให้ประชาชน ประชาชนต้องการนายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชน มากกว่าห่วงอำนาจของตนเอง
“พล.อ.ประยุทธไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่สามารถนำคนมาช่วยในการพัฒนาประเทศ อวด อ้างว่าตัวเองซื่อสัตย์ นิ่งดูดายวางเฉยให้พวกพ้องและบริวารทุจริตฉ้อฉล รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นได้เพียงรัฐบาลปรสิตที่กัดกร่อนอนาคตของประเทศ และกลืนกินความฝันของพี่น้องประชาชน ไม่ใช่รัฐบาลของประชาชนโดยประชาชน และเพื่อประชาชน ไม่ได้เป็นรัฐบาลสภาเป็นที่พึ่งหวังของประชาชน พรรคฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็นถึงเหตุผลจนไม่สามารถเป็นนายกอีกต่อไป และเชื่อว่าการอภิปรายในครั้งนี้จะเป็นแสงสว่างให้ทุกหนทุกแห่ง ที่พล.อ.ประยุทธ์สร้างความมืดมนใน 7 ปีที่ผ่านมา เราจะต้องมีความหวังอยู่เสมอ เพราะจุดจบของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้”นายสมพงษ์ กล่าว