เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 ส.ค.60 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “ปฏิรูปยั่งยืน พลิกฟื้นประเทศไทย” ในงานบางกอกโพสต์ ฟอรั่ม2017 ตอนหนึ่งว่า ขอขอบคุณที่ให้ตนมาปาฐกถาเรื่องนี้ เพราะเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องนึกถึง ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศให้เกิดความยั่งยืน และพลิกฟื้นประเทศกลับคืนขึ้นมาให้ได้ ให้ดีกว่าปัจจุบันโดยเร็ว ทั้งหมดเพื่ออนาคตและคนรุ่นหลังของประเทศ ประเทศไทยมีศักยภาพมากมาย เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างประชาคมอาเซียนกับประชาคมอื่นๆ ในโลก เราจึงต้องทำให้ประเทศไทยก้าวพ้นกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง แต่เราจะพลิกฟื้นคนทุกกลุ่มโดยวิธีการเดียวทั้งหมดไม่ได้ เราต้องปฏิรูปในทุกๆ ด้าน ทั้งความมั่นคง มีความเสถียรภาพ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม สำคัญที่สุดคือ ต้องปฏิรูปให้คนไทยรักกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รัฐบาลนี้พยายามแก้ไขปัญหาในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งปัญหาในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งแรกที่อยากทำความเข้าใจกับทุกคนคือ ช่วยเหลือรัฐบาล ช่วยกันขยายความเข้าใจว่าเราต้องมองออกไปให้ไกลจากตัวเองจึงจะสามารถปฏิรูปประเทศได้ ต้องมองไปสู่อนาคตพร้อมๆ กันไปกับรัฐบาล ต้องทำให้ทุกคนเห็นว่าประเทศไทยมีทิศทางที่จะเดินต่อไปอย่างไรตามห้วงเวลาที่กำหนดไว้ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เราจะเห็นว่าอีก 20 ปีข้างหน้าประเทศไทยควรจะเป็นอย่างไร 3 ปีที่ผ่านมาทุกคนทราบดีว่าสังคมไทยมีปัญหามากมายหลายด้าน เราโทษใครไม่ได้ เป็นเพราะประเทศเราเป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้น เราต้องปฏิรูปการเมืองควบคู่ไปด้วย ทำอย่างไรให้ได้รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย มีธรรมาภิบาล เป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ผู้แทนราษฎรจะต้องเป็นผู้แทนที่นำเสนอความต้องการของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับเลือกเข้ามา แต่ทั้งหมดจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของครม.หรือรัฐบาล ให้เกิดความเหมาะสมว่าเราจะทำให้ประเทศเจริญเติบโตทั้งประเทศได้อย่างไร “วันนี้ที่ผมพูดไม่ได้มาหาเสียง หรือไม่ได้เป็นการพูดเอาใจสื่อ แต่ต้องยอมรับว่าสื่อมีส่วนสำคัญต่อสังคมในการสร้างและทำความเข้าใจ อย่างเช้าวันเดียวกันนี้ (24 ส.ค.) ผมเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งท่านบอกว่า ประยุทธ์ใจเย็นๆ นะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าไปทะเลาะกับเขาเลย เอาเรื่องใหญ่ๆ ดีกว่า ผมเองพยายามจะทำแบบนั้น พยายามทำมา 3 ปีแล้วได้แค่นี้ แต่จะพยายามต่อไป และยืนยันว่าการทำงานในวันนี้ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ จากการพบปะไม่มีใครมาตำหนิติติง มีแต่ระบุว่าจะมาร่วมมือกัน ดังนั้น อยากจะขอร้องว่าทุกรัฐบาลที่จะเข้ามาจะต้องมีจุดมุ่งหวังคือ ทำให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี และมีความสุข ไม่ใช่เข้ามาแล้วทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่ออำนาจ ไม่ใช่เพื่อจะสืบต่อ ยืนยันว่าผมไม่เคยคิดเรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่นิดเดียว ผมยืนยันและถึงแม้เมื่อสักครู่ผู้เปิดงานจะกล่าวให้กำลังใจผมว่าให้เป็นนายกฯต่อไปก็ตาม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ลั่นไม่เคยขึ้นหลังเสือ บอกคนเลี้ยงเสือยังตาย ขอเดินร่วมไปกับประชาชน วอนอย่าดึงคดีข้าวทำประเทศวุ่น ชี้แค่หนึ่งในล้านคดี ต้องเชื่อมั่นศาล ตัดสินตามหลักฐาน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ทำอะไรใหม่ไม่ค่อยได้ เพราะประชาชน จะยังมีหลักคิดที่ยังไม่พร้อมอยู่บ้าง เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง ตนไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะต้องเห็นด้วยทั้งหมด แต่ถ้าทุกคนเห็นด้วยว่าประเทศไทยจะต้องหลุดพ้น จากน้ำท่วมฝนแล้ง มันต้องแก้ด้วยอะไร โดยรัฐบาลจะต้องทำโครงการออกมา หากแก้ปัญหาไม่ได้ก็ถือว่าจบ กลายเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะปลายทาง เท่าไรที่เราถมไปแล้ว ทั้งนี้ถ้าเราลงทุนทีเดียวแก้ปัญหาใหญ่ทีเดียวปัญหาก็จะเล็กลง ประชาชนจะเดือดร้อนน้อยลง ทำให้เหลือเงินมาใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้มากขึ้น "วันนี้เราก็ต้องช่วยกันสร้างเรื่องราวของข้าวที่มีหลายพันธุ์ในประเทศไทยให้เป็นการเพิ่มมูลค่า ผมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว หน้ายังไม่เป็นไร ทุกอย่างที่เกษตรกรนำมาโชว์ ผมทดลองหมด ให้กินอะไรผมก็กิน เพราะผมต้องเผชิญความเสี่ยงก่อนเป็นคนแรกเพื่อเป็นการรับประกัน จริงๆแล้วผมเป็นคนไม่ชอบใช้เครื่องสำอาง แต่วันนี้ต้องใช้เพราะเป็นนายกฯ แต่ที่ใช้ไม่ได้อยากให้หล่อหรือดูดี แต่ต้องลองกินทุกอย่างหลายคนห่วงว่าจะมีคนวางยาพิษ แต่ผมเชื่อว่าความดีที่ผมทำไว้น่าจะปกป้องผมได้ ไม่มีใครจะดูแลเราได้แม้ผมจะมีรปภ. ก็ตาม บางครั้งผมอาจจะต้องดูแลรปภ.ด้วย เราต้องทำตัวเองให้ดีมีศีลธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตยึดประเทศชาติเป็นที่ตั้ง เชื่อมั่นในชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชน ซึ่งก็ต้องดูแลเราด้วย "ฉะนั้นไม่ต้องไปกลัวการตั้งทหารตำรวจ ตั้งอะไร เขาคุ้มครองผมไม่ได้หรอก ไม่ต้องกลัว สื่อถามผมว่าจะลงจากหลังเสือต้องตั้งคนมาดูแลหรือไม่ ผมไม่ได้คิดว่าขึ้นหลังเสือ ผมเป็นคนธรรมดาเข้ามาเดินหน้าประเทศไทย ปฏิรูปเพื่อการเปลี่ยนผ่านผลิกฟื้นแผ่นดิน ให้มีศักยภาพ มันเป็นความท้าทาย ไม่ใช่ขึ้นหลังเสือ แล้วผมจะขึ้นไปทำไมหลังเสือ คนเลี้ยงเสือยังตายไปเยอะ ผมไม่ขึ้นหรอกหลังเสือ ผมเดินด้วยสองเท้าของผมนี่แหละ โดยมีประชาชนเดินเคียงข้างกับ ผมมันก็จะเดินหน้าไปได้ด้วยดี" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นทุกคนทราบดีว่ามีหลายอย่าง การตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหามีหลายขั้นตอน แต่ทุกคนใจร้อน วันนี้เจอพรุ่งนี้ต้องตัดสินติดคุก ซึ่งมันก็เหมือนกับกฎหมายอื่นเราให้ความเป็นธรรม ทั้งข้าราชการและประชาชน เพราะบังคับใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน ข้าราชการจะมีกฎวินัยอยู่ด้วย ในส่วนของรัฐบาลได้เร่งรัดแก้ปัญหาเรื่องการทุจริต โดยให้ศูนย์ อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ดูแล ตรวจสอบ ถ้ามีมูลก็ส่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะตนตัดสินเองไม่ได้ รู้อย่างเดียวว่าผิดหรือถูก โดยฟังผลการตรวจสอบมา แต่ไม่ใช่ว่าประเทศไทยเลวร้ายและทุจริตกันทั้งหมด การทุจริตต้องแก้ที่นิสัยทั้งคนรับและคนให้ ถ้าไม่ให้เขาก็เรียกร้องอะไรไม่ได้ แต่เขาแกล้งท่านได้ หากเขาแกล้งท่านต้องมาบอก ตนจะตรวจสอบให้ ถ้าเป็นข้าราชการก็ต้องลงโทษ ปลดย้าย หรือติดคุก ขอความกรุณาให้ความเป็นธรรมกับทุกคดีทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการระดับไหนก็ตาม ทุกคนทำงานอยู่ที่ว่าจะนำไปสู่ทางที่ถูกหรือผิด เราต้องสร้างข้าราชการชั้นผู้น้อยให้เข้มแข็งตั้งแต่วันนี้ แต่อาจจะเข้มแข็งยาก เพราะหัวไม่ดีหางมันก็แย่ " ส่วนปัญหาการบังคับใช้กฎหมายสถานการณ์วันนี้เกิดอะไรขึ้นดูเอาแล้วกัน เรื่องหนึ่งเป็นคดีหนึ่งในบรรดาแสนคดี ล้านคดี ก็ยกมาเป็นประเด็นทุกวันจนวุ่นวายไปหมด ทำอย่างไรเรื่องเหล่านี้จะกลาย เป็นเรื่องธรรมดาในสังคม ธรรมดาคือผิดก็จะต้องได้รับการพิจารณาในกระบวนการยุติธรรม จะเข้าศาล อุทธรณ์ ศาลชั้นต้น ศาลฎีกา ก็ว่ากันไป ถ้าปลุกกันไปมา มีคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วย อีกหน่อยศาลก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งศาลของเราได้รับการเคารพนับถือมายาวนาน เป็นศาลในพระปรมาภิไธย ศาลต้องตัดสินด้วยหลักฐานต่างๆทั้งหมดที่มีอยู่ อย่าคิดกันเอาเอง อย่าให้เรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศชาติวุ่นวายอีกเลย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว