อารยา ลาภชีวะสิทธิฉัตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ แอนด์ เจ บิวตี้ โปรดักส์ จำกัด หรือ "เจ้เล้ง ดอนเมือง" เจ้าแม่ธุรกิจเครื่องสำอางและสินค้านำเข้าย่านดอนเมือง เปิดเปิดเผยว่า หลังหย่าขาดจากสามี และต้องแบ่งสินสมรสถึง 700 ล้านบาท ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นผู้บริหารจัดการเกือบทั้งหมด พร้อมเดินหน้านำเข้าสินค้าใหม่ที่มีความแปลกจากต่างประเทศและในประเทศเข้ามาจำหน่ายในร้านต่อเนื่องประมาณ 1,000 รายการเพื่อเพิ่มความหลากหลาย คุณภาพดี แต่เป็นราคาถูก สอดคล้องกับเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน สำหรับแผนตลาดของร้านเจ้เล้ง แต่ละปีจะจัดโปรโมชั่นปีละครั้ง เพื่อคืนกำไร และตอบแทนลูกค้า โดยปีนี้จะจัดในวันที่ 1-10 ก.ย.2560 ในกิจกรรม “เจ้เล้ง BIRTHDAY SAIL” ด้วยโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1, ซื้อ 2 แถม 1, ซื้อ 3 แถม 1 รวมทั้งยังมีโปรโมชันอื่นๆ เช่น ช็อปครบ 1,000 บาท ได้รับคูปองชิงโชคลุ้นทัวร์ญี่ปุ่น 2 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง, จับสลากคูปองเงินสดมูลค่า 1,000 บาท สำหรับซื้อของในร้าน และทุกใบเสร็จ สามารถนำมาจับสลากชิงรางวัลเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อีก เชื่อว่าจะมีลูกค้าเข้ามาที่ร้านเจ้เล้งหลายแสนคน และมียอดขายรวม 10 วันที่จัดโปรโมชั่นดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้านบาท นอกจากแผนการจัดโปรโมชั่นแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญต่อช่องทางขายผ่านออนไลน์ ผ่านทางเว็ปไซต์เจ้เล้ง และช่องทางอื่นๆ พบว่ามีการเติบโตเท่าตัวจากเดิมที่เคยขายได้ 2-3 ชิ้น ปัจจุบันขายได้เป็น 100 ชิ้น หรือมียอดขายเฉลี่ยวันละ 300,000-400,000 บาท สูงสุด 1 ล้านบาท กลุ่มสินค้าขายดีคือ เครื่องสำอาง และขนม โดยปีนี้คาดว่ายอดขายจากช่องออนไลน์จะอยู่ที่ร้อยละ 20 จากยอดรวมทั้งหมด ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ30-40 อารยา ลาภชีวะสิทธิฉัตร “เป้าหมายของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้ากับร้านเจ้เล้งผ่านช่องทางออนไลน์ ส่วนใหญ่ ซื้อไปเพื่อขายต่อ ส่วนกลุ่มเป้าหมายหลักของร้านยังคงเป็นกลุ่มคนทำงาน อายุ 20 ปีขึ้นไป และมีกำลังซื้อ ส่วนเป้าหมายการเติบโตของร้านเจ้เล้งในปีนี้คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 20 แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่กำลังซื้อในส่วนของร้านเจ้เล้งปัจจุบันยังดีอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนยอดสินค้าเครื่องสำอางร้านเจ้เล้งยังคงสูงสุดร้อยละ 65 และขนมอีกร้อยละ 35” เจ้เล้ง กล่าวถึงแผนการดำเนินชีวิตเมื่ออายุครบ 71 ปี ว่าจะยังคงทำธุรกิจต่อเนื่องและยังไม่มีแผนที่จะวางมือเพราะหากไม่ทำงานเลย ทำให้เครียดกว่าเดิม และว่าอายุเท่านี้เงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญคือสมอง หากอยู่บ้านเฉยๆ อาจป่วยเป็นอัลไซเมอร์ได้ เอาเป็นว่าหมดพลังเมื่อไรก็ถอยเมื่อนั้น แต่ตอนนี้หันมาใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้น สมัยก่อนนอนตีหนึ่งตีสอง ต้องวางแผนล่วงหน้าพรุ่งนี้ทำอะไร พอมาทำงานตอนเช้าก็ทำทุกอย่างให้เสร็จ และทำอย่างอื่นต่อ “เราอายุ 70 ปี ดูแลตัวเองไม่ให้ตัวเองซึมเศร้า และออกกำลังเพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ช่วงเช้าของทุกวันจะพยายามไปออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน 20 กิโลเมตร ที่สนามกีฬากองทัพอากาศ บางวันปั่นจักรยานเสร็จยังเดินต่ออีก 5 กิโลเมตร และเล่นฟิตเนสกลางสนามด้วย” เจ้เล้งหันมาปั่นจักรยานเนื่องจากหมอบอกว่าเข่าจะเสื่อม จึงรีบไปขี่จักรยาน เล่นช่วงแรกปวดใต้ท้องเข่า ขานั่งไม่ได้ยืนไม่ได้ ต้องพยายามยืด กลับมาบ้านให้เด็กหรือหมอนวดนวด ตอนนี้ขี่จักรยาน 7 วัน ทำให้กล้ามเนื้อเข่าแข็งแรง สำหรับตารางชีวิตช่วงนี้คือนอนสี่ทุ่ม ตื่น 5.45 น.ขี่จักรยานตั้งแต่ 6 โมงเศษ ถึง 7 โมงครึ่ง ออกกำลังกายยืดเหยียดอีก 1 ชั่วโมง รวมแล้วออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังทำอาหารกินเอง ทั้งยังชอบเล่นเฟซบุ๊กและไอจี ส่วนเรื่องอดีตสามี หลังจากที่ศาลพิพากษาคดีจบ และตนก็ต้องจ่ายเงินให้ไปกว่า 700 ล้านบาท หากอดีตสามีจะมาขอทรัพย์สมบัติอื่นๆที่เคยเป็นของอดีตสามี ตนไม่ให้ เพราะคดีได้จบไปแล้ว และตนก็แจกของดังกล่าวให้กับคนใกล้ชิด เช่น พนักงานไปหมดแล้ว ส่วนตอนนี้ไม่เศร้าแล้ว ชีวิตทุกวันนี้ดีกว่าที่ผ่านมา และยังคงเป็นคนแก่บ้างาน โดยนอกจากทำธุรกิจร้านเจ้เล้งแล้ว ทุกวันนี้ตนก็มีธุรกิจโบกเกอร์ขายสินค้าข้ามประเทศร่วมกับเพื่อนๆ รวมถึงการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ประเภท คอนโดมิเนียม เพื่อปล่อยเช่า ซึ่งประเทศที่มองว่าจะไปลงทุนคือ สิงโปร์ ส่วนในประเทศ ตนยังมีที่ดินในมือ 300 แปลง แม้ว่าบางส่วนได้แบ่งให้กับอดีตสามีไป แต่ยังมีที่ดินเหลือที่จะพัฒนาทำธุรกิจอสังหาฯต่างๆ เช่น ทำเป็นอาคาร โกดัง สำนักงานให้เช่าระยะยาวในอนาคต