นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการเรียกร้องให้เยียวยากลุ่มแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะมีมาตรการเยียวยาหรือไม่ ว่า ผู้ประกันตนมาตราดังกล่าวมีประมาณ 11 ล้านคน ซึ่งขณะนี้เรากำลังดูว่ารูปแบบที่กระทรวงการคลังจ่ายเยียวยามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง ส่วนรายละเอียดขอให้รอผลสรุปก่อน เนื่องจากต้องหารือกับทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมา (สศช.) ถึงรูปแบบและวิธีการและต้องหารือกับรมว.การคลัง เนื่องจากงบประมาณที่จะใช้ดำเนินงานจะเป็นของกระทรวงการคลัง แต่ขณะนี้มีแนวโน้มสัญญาณที่ดีโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ก็เป็นห่วง จึงให้ไปหาวิธีการในการช่วยเหลือ "มีนักการเมืองที่อาจจะไม่เข้าใจระบบประกันสังคม ไม่เข้าใจรัฐบาลแล้วบอกว่ารัฐบาลไม่เคยช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานทั้งที่รัฐบาลอุดหนุนเงินกองทุนประกันสังคมปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยไปอยู่ในกองทุนว่างาน และกองทุนชราภาพ ซึ่งกลับไปให้กับผู้ใช้แรงงาน ที่ผ่านมาในอดีตกองทุนประกันสังคมได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 2.75 % แต่รัฐบาลที่ผ่านมาติดค้างยาวนานมูลค่าเป็น 1 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลนี้ได้อุดหนุนและใช้หนี้เก่าให้กองทุนมีสภาพคล่องมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน" นายสุชาติ กล่าว นายสุชาติ กล่าวว่า ในการระบาดของโควิด-19 รอบแรกใช้เงินประกันสังคม 62 เปอร์เซ็นต์ในการช่วยเหลือแรงงานกว่า 9 แสนคน ครั้งนี้รัฐบาลก็พยายามที่จะช่วยเหลือยาวยา โดยล่าสุดรัฐบาลจ่ายไปอีก 3 หมื่นกว่าล้านบาท ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบและปิดกิจการ โดยคำสั่งของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัด ดังนั้นผู้ประกันตนในระบบไม่ต้องเป็นห่วง เรามีวินัยทางการเงินการคลังอย่างดีและจะพยุงช่วยเหลือทุกคนตามสิทธิที่ประโยชน์ที่ควรได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา33 ทางกระทรวงแรงงาน จะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณารูปแบบการเยียวยา โดยเบื้องต้นคาดว่าจะจ่ายเป็นเงินให้กับผู้ประกันตน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย และมีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งสอดคล้องกับเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจ่ายเยียวยา 7,000 บาท ทั้งนี้กรอบวงเงินที่จะเยียวยาจะต้องหารือถึงให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน