อธิบดีอัยการคดีอาญาใต้ ยันไม่มีวิ่งเต้นคดี “บรรยิน กับพวก”ปลอมเอกสารสิทธิโอนหุ้น ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจ ไม่มีอะไรกดดัน รอตรวจสำนวนหลักฐานอย่างน้อยอีก 30 วัน มีคำสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้อง เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 25 ก.ค.59 ที่สำนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 53 นายสุทธิ กิตติศุภพร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ กล่าวภายหลังพี่สาวและภรรยาของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เข้าพบเพื่อติดตามเร่งรัดการสั่งคดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ กับพวกรวม 4 คน ปลอมเอกสารสิทธิโอนหุ้นว่า วันนี้ได้อธิบายและชี้แจงขั้นตอนการพิจารณาสำนวนให้ครอบครัวนายชูวงษ์ฟังแล้ว่า ขณะนี้อัยการเจ้าของสำนวนยังไม่มีคำสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง โดยกำลังพิจารณาเอกสารหลักฐานและสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมอยู่ หากอัยการเจ้าของสำนวนมีความเห็นแล้วจะเสนอ ตนในฐานะอธิบดีอัยการฯ พิจารณากลั่นกรองตามขั้นตอนบังคับบัญชา โดยคาดว่าการพิจารณาเพื่อมีความเห็นอย่างน้อยจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน ทั้งนี้ถ้าพิจารณาสำนวนแล้วเสร็จและมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใด ก็จะมีหนังสือแจ้งผลให้พนักงานสอบสวนประสานกับผู้ต้องหา ถ้าสั่งฟ้อง ก็จะให้นำผู้ต้องหามาพบเพื่อยื่นฟ้องศาลอาญากรุงเทพใต้ต่อไป “ ผมยืนยันว่าไม่มีการวิ่งเต้นคดีใดๆ ไม่ว่าจะฝ่ายผู้เสียหาย หรือผู้ต้องหา ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ และไม่มีกี่กดดันใดๆ ทั้งสิ้น โดยชัดเจนว่าขณะนี้ยังไม่คำสั่งเพราะยังพิจารณาสำนวนหลักฐานที่มีข้อมูลกับเอกสารมาก อัยการทำทุกอย่างด้วยความเป็นธรรมอย่างแน่นอน ” นายสุทธิ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ด้านนางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวของนายชูวงษ์ กล่าวหลังใช้เวลา 1 ชั่วโมงพูดคุยกับอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ว่า อธิบดีอัยการ ฯ แจ้งว่า ยังไม่ได้รับรายงานผลสรุปทางคดีจากคณะทำงาน จึงยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน แต่อธิบดีอัยการฯ ก็ได้อธิบายขั้นตอนการทำงานที่ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารที่มีหลายพันหน้าจึงต้องทำอย่างรอบคอบ ทั้งนี้วันนี้ตนยกเลิกกำหนดที่จะเดินทางไปพบอัยการสูงสุด ที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ในช่วงบ่ายวันนี้ เนื่องจากทราบว่าอัยการสูงสุดติดภารกิจจึงจะไม่ได้เข้าพบ ซึ่งตนต้องการพบอัยการสูงสุดเพื่อยื่นหนังสือเร่งติดตามคดี โดยเตรียมจะไปยื่นหนังสือถึง รมว.ยุติธรรม ในโอกาสต่อไปด้วย