ผบ.มทบ.26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก จ.บุรีรัมย์ พาพลทหารที่ครอบครัวยากจน อาศัยอยู่กับย่า 2 คน มาตั้งแต่เด็ก กลับไปเยี่ยมบ้าน หวังคลายความกังวล และคลายความคิดถึง ขณะย่า-หลานเห็นหน้ากันเข้าโผกอดกันกลม ด้วยความดีใจ จนสุดจะกลั้นน้ำตา พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวพลทหาร ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 เมื่อวันที่ 23 ม.ค.64 พลตรี ภัชรพล ศิริรักษ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย นางดนยพร ศิริรักษ์ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 26 ได้นำ พลทหาร อามรี บุญจริง ทหารกองประจำการสังกัด ร้อย มทบ.26 เดินทางกลับไปเยี่ยม นางสอน บุญจริง อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นย่าของ พลทหาร อามรี ณ บ้านเลขที่ 8909 ม. 15 บ้านโคกเมือง ต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทันทีที่ พลทหารอามรี และนางสอน ซึ่งเป็นย่าได้พบเจอหน้ากัน ทั้งคู่ต่างก็โผเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง และความดีใจ ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจแก่คณะของ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 เป็นอย่างมาก จากนั้นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 และคณะได้นำกระเช้าเพื่อสุขภาพ สิ่งของอุปโภค-บริโภค และเครื่องนุ่งห่มกันหนาว มอบให้กับย่าของพลทหาร อามรี ด้วยเพื่อเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจ และยังเป็นการผ่อนคลายความคิดถึงครอบครัว อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือครอบครัว ของทหารกองประจำการ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นการแสดงความหวงใย ของกองทัพบก ที่ได้มีต่อครอบครัวของทหารกองประจำการ ที่มีฐานะยากจน ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 นี้อีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับครอบครัวของ พลทหารอามรี เป็นครอบครัวมีฐานะยากจน หน่วยงานราชการในพื้นที่ จึงได้เข้ามาให้การช่วยเหลือ โดยการสร้างบ้านบ้านในโครงการท้องถิ่นไทยให้อยู่อาศัย ซึ่งพ่อและแม่ของพลทหาร อามรีได้เสียชีวิตลงตั้งแต่พลทหารอามรียังเด็ก จึงต้องอาศัยอยู่กับปู่-ย่า ต่อมาเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนปู่ได้เสียชีวิตลง จึงทำให้พลทหารอามรี ต้องอาศัยอยู่กับย่า ตามลำพัง 2 คนย่า-หลาน หลังจากนั้นเมื่อพลทหารอามรี ได้เข้าเป็นทหารกองประจำการ ผลัดที่ 2 ปี 2564 จึงทำให้ต้องปล่อยให้ย่าอยู่ตามลำพัง ขณะที่ย่าของพลทหารอามรี เริ่มมีปัญหาทางสายตา จึงทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเริ่มยากลำบาก เนื่องจากเป็นโรคต้อกระจก ซึ่งทางผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 เตรียมดำเนินการให้ความช่วยเหลือในลำดับต่อไป ด้าน พลทหารอามรี บอกว่า รู้สึกดีใจที่ทางกองทัพบก และผู้บังคับบัญชาได้ให้ความสำคัญ กับทหารกองประจำการ อีกทั้งยังได้นำสิ่งของมามอบให้ด้วย รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ที่ได้เข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการในครั้งนี้ ซึ่งตนรู้สึกประทับใจหลายๆด้าน ที่ผู้บังคับบัญชาเล็งเห็นถึงความลำบากของครอบครัวตน ที่มีฐานะยากจนอยู่กับย่า 2 คน ซึ่งก่อนที่ตนจะเป็นทหาร ก็มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ทำให้รายได้ที่ไม่แน่นอน และตอนนี้ตนได้เป็นทหารแล้ว และมีเงินเป็นของตนเองแล้ว ถึงจะไม่ได้มากมาย ตนก็จะนำเงินนี้เก็บไว้ให้ย่าได้ใช้ทุกเดือนด้วย รวมถึงจะตั้งใจฝึกฝนและปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเต็มสามารถ เพื่อจะได้นำวิชาความรู้ที่ได้รับ นำมาประกอบอาชีพเลี้ยงดูย่าต่อไป ขณะที่ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 เปิดเผยว่า ทหารกองประจำการ หรือทหารเกณฑ์ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน ประกอบกับในห้วงนี้ยังต้องได้รับความเดือดร้อน และผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการสนองนโยบายของกองทัพบก และกองทัพภาคที่ 2 ทางมณฑลทหารบกที่ 26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้มีความห่วงใยกำลังพลทุกระดับชั้น โดยเฉพาะน้องๆ พลทหารกองประจำการ จึงได้ออกเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ และหาแนวทางช่วยเหลือ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ให้กับครอบครัวของทหารกองประจำการ เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้บังคับบัญชาในทุกระดับชั้น ได้ให้ความสนใจและเอาใจใส่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยความรัก ความห่วงใย อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน “ทหารกองประจำการ หรือทหารเกณฑ์ ถือเป็นน้องคนเล็กสุดของหน่วย จึงจำเป็นต้องดูแลให้ดี สิ่งไหนที่เป็นความเดือดร้อนของพวกเขา ถ้าเราสามารถช่วยเหลือได้ ก็พร้อมจะช่วยเหลืออย่างเต็มขีดความสามารถ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับพลทหารกองประจำการ และครอบครัว ได้มีความรู้สึกดีใจ คลายความกังวล และคลายความคิดถึง โดยเฉพาะพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และลุกเมีย หรือผู้ปกครองที่ได้เจอหน้าลูกชาย ที่เคยอยู่ด้วยกัน แต่ต้องไปเป็นทหารรับใช้ชาติ” พลตรี ภัชรพล กล่าว.