อ.หนุ่ม ป.โท วิทยาลัยพยาบาลผูกคอดับในห้องทำงาน คาดเหตุเครียดสะสม

อ.หนุ่ม ป.โท วิทยาลัยพยาบาล ผูกคอดับในห้องทำงาน คาดสาเหตุเครียดเรื่องส่วนตัว มีปัญหาค่าจ่ายเรียนปริญญาเอก คิดถึงแม่พึ่งเสียชีวิต ญาติไม่ติดเชื่อเชื่อเครียดสะสม เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 21 ม.ค.64 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.กฤษดา สุพรรณกูล สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุชายผูกคอเสียชีวิตบนอาคารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครพนม ชุมชนหนองบึก ในเขตเทศบาลอ.เมืองนครพนม จึงประสานแพทย์เวร โรงพยาบาลนครพนม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยศรีสัตตนครพนม กู้ภัยลำโขงเฟรนด์ชิฟ และกู้ภัยนครพนม ร่วมตรวจสอบชันสูตรศพ โดยในที่เกิดเหตุ ภายในอาคารเรียนวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี มหาวิทยาลัยนครพนม บนชั้น 3 เป็นห้องปฏิบัติการกายวิภาคและสรีระวิทยา พบศพผู้เสียชีวิต ใช้ผ้าพันคอยาวประมาณ 1 เมตร สีน้ำเงิน ผูกคอตายกับบานพับประตู ทราบชื่อภายหลังคือ นายโกมล บุญแก้ว อายุ 48 ปี อาจารย์สอน วิชากายวิภาคศาสตร์ บ้านอยู่หมู่บ้านอัมพร 2 เ.เมืองนครพนม ตรวจสอบไม่พบบาดแผลการถูกทำร้ายตามร่างกาย เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ในคอผู้ตายยังพบว่า มีถุงพลาสติกใสใช้เชือกคล้องคล้ายพระ ภายในพบว่าเป็นกระดูกอัฐิ ของแม่ ที่เสียชีวิตได้ประมาณ 1 ปี รวมถึงพบกระปุกยารักษาโรคส่วนตัว บางอยู่ในโต๊ะทำงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเก็บเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี เบื้องต้นก่อนก่อนเกตุ ทราบว่า ผู้ตายได้เดินทางมาทำงาน โดยมี นายมั่ง บุญแก้ว อายุ 69 ปี พ่อผู้ตาย ขับรถจักรานยนต์มาส่ง เพื่อมาทำงาน สอนออนไลน์วิชากายวิภาคศาสตร์ให้กับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในช่วงสถานการณ์โควิดระบาด โดยปกติ พ่อผู้ตายจะขับรถมาส่งทุกวันเพราะมีความเป็นห่วง เนื่องจากผู้ตาย มีโรคประจำตัวคือความเครียด เพราะคิดถึงแม่ที่เสียชีวิตมาได้ประมาณ 1 ปี บวกกับมีความเครียดเรื่องการทำงาน การเรียนหลังเรียนจบปริญญาโท จากมกาวิทยาลัยขอนแก่น และมีความคาดหวังจะเรียนให้จบปริญญาเอก แต่มีปัญหาด้านการเงิน จึงยังเรียนไม่จบ ก่อนตัดสินใจมาสมัครทำงานเป็นอาจารย์สอน ที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี มหาวิทยาลัยนครพนม มาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ซึ่งพื้นฐานเป็นชาว จ.สิงห์บุรี แต่ย้ายมาทำงานที่นี่ กับครอบคัว ก่อนพบศพมีอาจารย์ที่เป็นเพื่อนผู้ตายระบุว่า ตนขอทำงานในห้อง ทั้งที่ถึงเวลาเลิกงาน และบอกว่าไม่ให้ใครมารบกวน จนถึงเวลากลับบ้าน ผู้เป็นพ่อขับรถจักรยานยนต์ มารับ กลับไม่พบ และติดต่อไม่ได้ จึงประสานเจ้าหน้าที่ช่วยกันตามหา พบว่า เป็นศพผู้คอตายในห้องทำงาน ด้านผู้เป็นพ่อ ระบุเสียใจมาก สังเกตลูกชายตลอด และมีความกังวล เพราะพบว่า มีโรคเครียดส่วนตัว พยายามดูแลใกล้ชิด ไม่คิดว่าจะมาคิดสั้นแบบนี้ แต่ไม่ติดใจการเสียชีวิต เชื่อ เครียดสะสม เจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี