ความเคลื่อนไหวการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ที่สนาม คิง ฟาฮัด สเตเดียม ซาอุดิอาระเบีย พบกับ “ช้างศึก”ทีมชาติไทย คืนวันที่ 1 ก.ย. ตามเวลาของไทย 00.30 น. ช่อง 7 สีถ่ายทอดสดให้แฟนบอลรับชม ก่อนหน้านี้ “ช้างศึก” เดินทางไปเก็บตัวที่ประเทศ กาตาร์ พร้อมลงอุ่นเครื่องกับ 1 เกมกับทีมชาติกาตาร์ ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้ไป 0-3 “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชทีมชาติไทย ไม่ซีเรียสโดยชี้ว่าทำให้เห็นข้อบกพร่องของทีม ก่อนเจอกับ ซาอุดิอาระเบีย ในเกมนี้ กุนซือทีมชาติไทย เผยว่า ยอมรับว่า ซาอุดิอาระเบีย เป็นทีมที่แข็งแกร่ง เกมนี้เราก็จะพยายามสู้อย่างเต็มที่ เพราะในปัจจุบันทีมที่เป็นรองทำผลงานได้ดี อย่างเช่นใน ยูโร 2016 หรือโอลิมปิก ที่บราซิล ทำให้เกมนี้มองว่ามีโอกาสไม่น้อยที่เราจะมีแต้มกลับบ้าน “ซิโก้” กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากการฝึกซ้อมที่ผ่านมา เราก็ได้เน้นการเข้าทำ และการผ่านบอล รวมถึงแท็กติกในการขึ้นเกมทั้งจากด้านข้าง และตรงกลาง ซึ่งนักฟุตบอลของเราก็ตั้งใจฝึกซ้อม และมีความกระหายในการลงเล่น ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีของทีมชาติไทย สำหรับ 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของทีมชาติไทย ประกอบไปด้วย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ (ผู้รักษาประตู), แนวรับนำโดย ทริสตอง โด, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, กรวิทย์ นามวิเศษ, ธีราทร บุญมาทัน (กัปตันทีม), กองกลางมี ชาริลล์ ชัปปุยส์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, สารัช อยู่เย็น, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และเกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ หน้าเป้า เป็น “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา โดยมี สิโรจน์ ฉัตรทอง เป็นทีเด็ดในม้านั่งสำรอง ด้าน ซาอุดิอาระเบีย ของเบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ นำโดยบรรดาผู้เล่นตัวเก๋าอย่าง มุฮัมหมัด อัล ชาห์ลาวี ดาวซัลโวในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 โดยมีกองหลังกัปตันทีมอย่าง อุซามา เฮาซาวี คอยคุมแนวรับ ส่วนสถิติการพบกันของซาอุดิอาระเบีย กับ ไทย เคยพบกันทั้งหมด 14 นัด (ที่ฟีฟ่ารับรอง) ซาอุดิอาระเบีย ชนะ 12 นัด ไทย ชนะ 1 นัด และเสมอกัน 1 นัด โดยซาอุดิอาระเบีย ยิงได้ทั้งหมด 38 ประตู ไทยยิงได้ 9 ประตู