นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินเปิดเผยว่า ธนาคารออมสินได้ปรับเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ ในภาวะวิกฤติโควิด-19 โดยใช้เกณฑ์หลักทรัพย์ค้ำประกันแทนการพิจารณจากกระแสเงินสด เพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจที่มีปัญหาสภาพคล่องในช่วงนี้ เพราะการวิเคราะห์รายได้ของผู้ขอกู้คงไม่สามารถใช้ได้ไปอีก 1-2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้เมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำเป็นต้องหยุดชั่วคราวย่อมส่งผลกระทบต่อรายได้ของประชาชนและผู้ประกอบการ ดังนั้นหากไม่ปรับเกณฑ์ ลูกหนี้อาจไม่สามารถเข้าสินเชื่อได้ สุดท้ายอาจกลายเป็นหนี้เสียของธนาคารได้ สำหรับการดูแลหนี้เสียนั้น ธนาคารออมสินเชื่อมั่นว่า จะสามารถบริหารจัดการหนี้เสียให้อยู่ในเป้าหมายไม่เกิน 4 % ภายในปีนี้และเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับธนาคารออมสินเอง จะมีการเพิ่มสำรองเพิ่มเติมด้วย เพื่อรองรับหนี้เสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แม้จะส่งผลให้กำไรของธนาคารลดลง แต่ธนาคารจะแข็งแรงมากขึ้น ขณะที่การให้สินเชื่อในโครงการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ โดยมีรถยนต์เป็นหลักประกัน โดยการลดดอกเบี้ยลงเหลือ 18% จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ 24-28% รวมถึงการให้สินเชื่อเอสเอ็มอีที่นำที่ดินมาค้ำประกัน ในอัตรา 5.99% ต่ำกว่าตลาดที่คิดดอกเบี้ย 15-30% เชื่อว่าไม่กระทบทำให้ธนาคารขาดทุน โดยที่ผ่านมาพบว่า เอสเอ็มอีมีการขอกู้ค่อนข้างมาก เต็มวงเงิน 5พันล้านบาท ทำให้ธนาคารออมสินต้องเพิ่มวงเงินอีก 5พันล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี