สะเทือนใจมาก ลุงวัย 64 ปี ขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างจะไปหาเมียสุดที่รักที่จังหวัดตรัง ระหว่างทางเมียโทรบอกไม่ต้องมาแล้วฉันมีผัวใหม่แล้ว เงินหมดตัวต้องบอกขายหมวกกันน็อก 50 บาท เพื่อแลกกับการเติมน้ำมันรถกลับบ้าน แต่พนักงานปั๊มช่วยกันเรี่ยไรได้เงิน 50 บาท เติมน้ำมันใส่รถให้ลุงกลับบ้าน ( 11 ม.ค. 64 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.เทียนชัยปิโตรเลียม เลขที่ 127 หมู่ 5 ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ต.ดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี มีลุงคนหนึ่งวัย 64 ปี ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างเก่าๆบรรทุกข้าวของเครื่องใช้ทั้งกระเป๋าเสื้อผ้า ครก สาก กระติกน้ำ ตระกล้า เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เต็มรถมาจอดที่ข้างหัวจ่ายตู้น้ำมันภายในปั๊มดังกล่าวและได้พูดคุยเจรจากับพนักงานสาวของปั๊มรายหนึ่ง เพื่อเสนอขายหมวกกันน็อคของตัวเองที่สวมใส่อยู่บนศรีษะในราคา 50 บาท เพื่อจะนำเงินมาเติมน้ำมันใส่รถจักรยานยนต์กลับบ้านที่ จ.กาญจนบุรี ทำให้พนักงานสาวคนดังกล่าวถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อสอบถามรายละเอียดด้วยสีหน้าสงสัย และเกิดความสงสาร พนักงานจึงเดินไปบอกกับเพื่อน ๆ ช่วยกันเรี่ยไรเงินคนละเล็กคนละน้อย เพื่อนำเงินมาซื้อน้ำมันให้คุณลุงคนดังกล่าว ด้วยความสงสารและสุดเวทนาไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์ยากจนสุด ๆ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นถึงขนาดยอมขายหมวกกันน็อกของตัวเอง ช่วงจังหวะเดียวกันกับนายพันธุ์ แก้วนุ้ย ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดราชบุรี ได้เดินทางเข้ามาเต็มน้ำมันรถที่ปั๊มพอดี จึงได้สอบถามที่มาที่ไปของคุณลุง ทราบว่าชื่อ นายเอี่ยม สนิทชอบ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/1 หมู่ 7 ต.จระเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ซึ่งคุณลุงได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยมีอาชีพต่อยมวยมาตั้งแต่วัยหนุ่มมีฉายา “ สิงห์ดง สิงห์หนองแฟง ” เคยขึ้นเวทีต่อยมวยมามากกว่า 300 ครั้ง เคยต่อยคู่ต่อสู้ร้องไห้มาหลายคนแล้ว ค่ายสิงห์หนองแฟง เป็นค่ายของตนเองอยู่ที่ ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ได้เลิกชกมวยมานานแล้ว จึงหันไปทำอาชีพขายสับประรดอยู่ที่ จ.กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ได้ขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างกลับมาหาแม่ที่ ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี และจะกลับไปหาภรรยาซึ่งอยู่กินกันมา 11 ปี ที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง โดยจะขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างไปเรื่อยๆค่ำไหนก็จะนอนตรงนั้น และไม่มีเงินติดตัวมาเลย มีเพียงน้ำมันรถอยู่ในถัง คิดว่าจะไปเบิกเงินผู้สูงอายุจำนวน 600 บาทที่มีอยู่ในบัญชีระหว่างทาง เพื่อเติมน้ำมันรถไปหาเมียที่จังหวัดตรัง แต่เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ธนาคารปิด ระหว่างถึงราชบุรี ขณะขับขี่รถทางภรรยาได้โทรศัพท์กลับมาบอกว่าไม่ต้องมาหาแล้ว เพราะฉันมีสามีใหม่แล้ว ลุงจึงตกใจและเสียใจมาก ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะไปไหนจึงได้หันหัวกลับ แต่เงินในกระเป๋าไม่มี รถน้ำมันก็ใกล้หมด และตัดสินใจเข้าปั๊มน้ำมัน เพื่อจะขายหมวกกันน็อกราคา 50 บาทให้กับพนักงานในปั๊ม เพื่อแลกกับการเติมน้ำมันรถ ลุงเอี่ยม บอกอีกว่า ตนเองมีลูกสาวอยู่คนเดียวได้กับเมียคนแรก ขณะที่สมัยก่อนตนเองเคยมีเมียมาแล้วประมาณ 40 คน แต่ตอนนี้รู้ว่าไม่มีใครรักเราเท่าแม่ของเราอีกแล้ว จึงต้องกลับไปอยู่กับแม่ที่จังหวัดกาญจนบุรี นางสาวปุณณสิริ แต่แดงเพชร หรือ น้องปู พนักงานเติมน้ำมันที่ปั๊ม เปิดเผยว่า เห็นลุงเขามาเติมน้ำมันแล้วไม่มีเงินจึงไปเรี่ยไรเงินกับเพื่อน ๆ คนละ 20 บาท ได้เงินมา 50 บาท เอามาเติมน้ำมันให้ลุงไป ซึ่งตอนแรกที่เจอลุงเขาบอกว่าไม่มีเงินและจะขายหมวกกันน็อกให้ 1 ลูก พวกหนูไม่เอาและได้บอกว่า ถ้าลุงไม่สวมหมวกกันน็อกเดี๋ยวตำรวจจับ จึงมาเรี่ยไรเงินช่วยเหลือลุงกันไปเท่าที่จะช่วยเหลือกันได้ ขณะที่ผู้สื่อข่าวก็ได้มอบเงินให้ไปจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นค่าน้ำมัน และค่ากินระหว่างทาง ก่อนจะกลับถึงบ้าน พร้อมมอบเจลล้างมือ และให้ลุงสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันโรคโควิด 19 ทำให้ลุงถึงกับน้ำตาเอ่อไหลอาบแก้มด้วยความตื้นตันใจ ที่ยังพบเจอคนดีมีน้ำใจช่วยเหลือยามตัวเองตกทุกข์ได้ยาก