“พ่อเมืองสมุทรสาคร” ไม่รอด! ติดโควิด ด้าน“อนุทิน”โพสต์ให้กำลังใจ บอกเป็นคนทุ่มเททำงาน รับผลตรวจตัวเองเป็นลบต้องกักตัว14วัน “ศบค.”แนะบุคคลใกล้ชิดเข้าตรวจหาเชื้อโดยด่วน วอนปชช.ร่วมมือมาตรการรัฐเต็มที่ ไม่อย่างนั้นกลางม.ค.64 เสี่ยงป่วยหลักพัน-หมื่นต่อวัน ส่วน“โควิดไทย” ยังพุ่งไม่หยุด พบติดเชื้อเพิ่มอีก144 ราย เป็นการติดเชื้อในปท. 115 ราย นำเข้า 15 ราย และแรงงานต่างด้าวติดเพิ่ม 14 ราย ลามทั่วประ เทศแล้ว 43 จว. “นครปฐม” หนัก! พบผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มอีก16 ราย ส่วน “กทม.” พบ 12 ราย รวมยอดป่วยพุ่ง 87 ราย ขณะที่ไวรัสร้ายยังอาละวาดต่อเนื่องฉุดยอดป่วยทั่วโลกทะลุ 81 ล้านคน เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้กักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน หลังลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อติดตามความคืบหน้าการควบคุมโรคโควิด-19 พร้อมกับ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารทุกกรม โดยมี นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.สมุทรสาคร ลงพื้นที่ไปด้วย ก่อนพบว่านายวีระศักดิ์ติดเชื้อโควิด-19 โดยเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายอนุ ทินได้ทำข้าวผัดกุ้งและต้มยำกุ้งให้ทุกคนรับประทาน เพื่อยืนยันว่าอาหารทะเลปรุงสุกรับปทานได้และปลอดภัยจากโควิด-19 ซึ่งมีผู้ว่าฯ อยู่ด้วย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบบุคคลใกล้ชิดและกลุ่มเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ล่าสุด นายอนุทิน ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ผมทราบข่าว ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ติดเชื้อโควิด ผมขอให้พวกเราทุกคนให้กำลังใจ และอวยพรให้ท่านผู้ว่าฯวีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี หายป่วยในเร็ววัน ท่านผู้ว่าฯ วีระศักดิ์ เป็นคนทำงานที่ทุ่มเท อดทน เสียสละ ด้วยความรักที่มีต่อประชาชนชาวสมุทรสาคร อย่างจริงใจก่อนจะเข้าไปตรวจหาเชื้อ ท่านยังประชุมกับผม และไปตรวจความคืบหน้า สร้างโรงพยาบาลสนาม ด้วยตนเอง ท่านผู้ว่าฯ ติดเชื้อ จากการทำงานหนักดูแลประชาชนให้ปลอดจากการติดเชื้อ แต่ตัวท่านติดเชื้อเสียเอง แม้จะป้องกันตัวอย่างดี แต่อาจจะพลาดได้ แพทย์บอกว่า ท่านเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการป่วย แต่ได้ให้ท่านเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แล้ว เมื่อท่านผู้ว่าฯ เป็นผู้ติดเชื้อ ผมก็ต้องเป็นผู้เสี่ยง เพราะเพิ่งประชุมและทำงานกับท่านผู้ว่าฯ แพทย์ให้ความเห็นว่าผมเป็นผู้มีความเสี่ยงต่ำ เพราะผม และท่านผู้ว่าฯ ใส่หน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่ประชุมร่วมกัน ผมจึงต้องเฝ้าระวังอาการตัวเอง 14วัน และวันนี้ได้ตรวจหาเชื้อตามแพทย์แนะนำแล้ว ผลเป็น negativeอย่างไรก็ตาม เพื่อลดความเสี่ยงของ ผู้อื่นที่จะต้องมาพบ มาประชุมมาทำงานร่วมกับผมและเป็นการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ผมจึงยกเลิกการพบ ปะกับบุคคลต่างๆ ทั้งหมด ทันทีที่ทราบผลการตรวจของท่านผู้ว่าฯ และขอกักตัวเอง 14 วัน เพื่อเฝ้าสังเกตอาการตัวเอง ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข นับจากวันนี้เป็นต้นไป” ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า นายวีระศักดิ์ติดเชื้อโควิด-19 โดยมีการยืนยันผลตรวจจากแล็บ 2 แห่ง รวมทั้งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เนื่องจากมีประวัติทำงานในพื้นที่อย่างหนักและต่อเนื่อง ทำให้มีความเสี่ยงสูง โดยมีกลุ่มบุคคลที่ไปร่วมทำงานกับนายวีระศักดิ์ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.63 ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหาร กระทรวงสาธารณสุข นำโดยนายอนุทิน และร่วมประชุมกับนายวีระศักดิ์ ประมาณ 1 ชั่วโมง รวมทั้งกลุ่มผู้บริหารต้องมาราย งานตัวที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ส่วนกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่ำ ขอให้กักตัวและสังเกตอาการตัวเอง 14 วัน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นประธาน ให้ความสำคัญกับ ศบค. กระทรวงมหาดไทย(ศบค.มท.) เพื่อให้ส่งสัญญาณไปจังหวัดต่างๆ ตามที่มีการแบ่งพื้นที่ไว้เป็น 4 ระดับ ให้ควบคุมสถานการณ์สูงสุดตามมาตรการที่วางไว้ทุกข้อ เนื่องจากกระทรวง สาธารณสุขให้ข้อมูลว่ามีความเป็นห่วงช่วงปีใหม่ ถ้าเราไม่ทำตามมาตรการที่วางไว้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อวันอาจจะพุ่งเป็นหลักพัน หลักหมื่นในกลางเดือน ม.ค.64 แต่ถ้าให้ความร่วมมือกับมาตรการต่างๆ ตัวเลขจะอยู่ที่หลักร้อย ยิ่งถ้าลดการเคลื่อนย้าย ลดการพบปะ กราฟผู้ติดเชื้อจะเป็นแบบช่วงที่ผ่านมาคือ เลียบไปกับพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำมาตรการเดิม และขอความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน ประชาชน อย่างเต็มที่ ไม่เช่นนั้นจะต้องใช้ยาแรง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังให้ปฏิบัติตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศอย่างเต็มที่ก่อน และยืนยันว่าพื้นที่ จ.สมุทร สาคร ที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดนั้น ทางเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ มีการตั้งจุดคัดกรองและบูรณาการฝ่ายปกครองลงพื้นที่อย่างเข้มข้น นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนใช้แอพพลิเคชั่นไทยชนะ ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุดขอให้ประชาชนใช้แอพพลิเคชั่นหมอชนะ ที่จะมีความรายละเอียด สามารถแจ้งเตือนเราได้หากเข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 144 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 115 ราย และคัดกรองเชิงรุกแรงงานต่างด้าว 14 ราย และผู้เดินทาง มาจากต่างประ เทศ และพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 15 ราย และมีผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 19 ราย ทั้งนี้ล่าสุด พบว่ามีการเพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไปในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพิ่มอีก 5 จังหวัด คือ สุรินทร์ นราธิวาส นครนายก เชียงใหม่ และลพบุรี รวมยอดทั้งหมด 43 จังหวัด ขณะที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ได้รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จ.นครปฐม ว่าพบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เป็นคนไทย16 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 53 ราย เป็นคนไทย 51 ราย ต่างชาติ 2 ราย โดยขณะนี้พักรักษาตัวในโรงพยาบาล 53 ราย ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 12 ราย โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกติดเชื้อภายในประเทศและมีส่วนเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดที่ จ.สมุทรสาคร 10 ราย กลุ่มที่สองติดเชื้อภายในประเทศ จากการไปสถานที่ชุมชนหรือประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงจำนวน 2 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมที่ 87 ราย สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ทางการเกาหลีใต้โดยสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคแห่งเกาหลี หรือเคดีซีเอ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์นี้ ถึงกรณีพบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ในประเทศอังกฤษ ได้ลุกลามเข้าสู่ประเทศเกาหลีใต้แล้ว ภายหลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดฯ สายพันธุ์ข้างต้น จำนวน 3 ราย ซึ่งถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกของเกาหลีใต้ โดย เคดีซีเอ เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อทั้ง 3 ราย เป็นครอบครัวชาวเกาหลีใต้ที่พำนักอาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ ได้เดินทางมาถึงเกาหลีใต้ เมื่อวันอังคารที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา และเข้าสู่มาตรการกักตัว พร้อมตรวจหาเชื้อโรค ซึ่งผลตรวจพบว่า เป็นบวก คือ ติดเชื้อ รายงานข่าวแจ้งว่า ทางการเกาหลีใต้ ยังได้ชันสูตรศพผู้สูงอายุ ซึ่งเสียชีวิตจากการป่วยด้วยโรคโควิดฯ และมีประวัติเดินทางกลับจากอังกฤษ เมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค.นี้ เพื่อตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตรายดังกล่าว เสียชีวิตเพราะไวรัสโควิดฯ ที่กลายพันธุ์ในอังกฤษด้วยหรือไม่ ทางด้าน ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กรีบีเยซุส ผอ.องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (ฮู) แถลงผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ที่สำนักงานใหญ่ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่นว่า ประชาคมโลกต้องร่วมกันจดจำการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเวลานี้ไว้เป็นบทเรียน จากการที่โลกเราไม่ได้เตรียมการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสข้างต้นอย่างดีเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่มีสัญญาณเตือนมาเป็นเวลาหลายปีก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมกันนี้ ผอ.องค์การอนามัยโลก ยังกล่าวเตือนว่า ไวรัสโควิด-19 จะไม่ใช่โรคระบาดสุดท้ายที่โลกเราต้องเผชิญ ขณะที่ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 218 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นจำนวน 81,144,994 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 1,771,981 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายมีจำนวนสะสม 57,293,765 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 19,573,847 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 341,138 ราย