คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย เป็นไปได้อย่างไรที่รัฐจอร์เจียซึ่งเป็นรัฐที่ติดกับรัฐฟลอริดาที่มีผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งเพียง 7 ล้านกว่าๆ แต่ขณะนี้กลับมีข่าวใหญ่ประจำวัน เพราะกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งครั้งใหญ่ด้านการเมืองสหรัฐฯปี 2020 ในช่วงของการแข่งขันเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีที่เกิดขึ้นระหว่าง “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” กับ “อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ณ รัฐจอร์เจียนี่แหละซึ่งมีการนับคะแนนเสียงใหม่ซ้ำไปซ้ำมาถึงสามครั้งตามคำร้องเรียนของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้มีการโกง” แต่กลับปรากฏว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ เพราะโจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะทุกๆครั้ง!!! ทว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมาพรรคเดโมแครตได้สร้างความผิดหวังครั้งใหญ่ในวุฒิสภาโดยตั้งความหวังว่าจะสามารถแย่งเสียงข้างมากได้สำเร็จ แต่สุดท้ายต้องผิดหวังเพราะได้เสียงในวุฒิสภาเพียง 48 ที่นั่ง สิบวันข้างหน้าในวันที่ 5 มกราคม 2021 วุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกัน 2 คนในรัฐจอร์เจียจะหมดวาระและจะต้องถูกท้าชิงตำแหน่งจากสองนักการเมืองหน้าใหม่ของค่ายพรรคเดโมแครต โดยวุฒิสมาชิกทั้งสองท่านจากค่ายพรรครีพับลิกันที่กำลังจะหมดวาระลงได้แก่ “วุฒิสมาชิกเดวิด เปอร์ดิว” และ “วุฒิสมาชิกเคลลี โลฟเฟลอร์” ที่ถือว่าทั้งสองท่านนี้มีข้อได้เปรียบ เนื่องจากเป็นที่รู้จักของคนในรัฐจอร์เจียมาแล้วอย่างดีแต่การเลือกตั้งรอบแรกเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน นักการเมืองทั้งสองไม่ได้รับคะแนนเกินครึ่งและตามกฎหมายของรัฐจอร์เจียเมื่อได้รับคะนนไม่เกินครึ่งจะต้องมีการแข่งขันในรอบสอง ส่วนผู้ท้าชิงวุฒิสมาชิกเปอร์ดิวคือ “จอน ออสซอฟ” วัย 33 ปีนักสร้างภาพยนต์ ที่มาจากค่ายพรรคเดโมแครต โดยขณะนี้คะแนนนิยมของคู่แข่งขันทั้งสองท่านนี้กำลังมีคู่คี่สูสีกัน แต่เนื่องจากวุฒิสมาชิกเปอร์ดิวคิดว่าตนเองมีข้อได้เปรียบมากกว่าอยู่แล้ว จึงนิ่งนอนใจหลีกเลี่ยงไม่ยอมไปโต้วาทีตามนัดที่จัดให้มีขึ้น โอกาสงามๆจึงตกเป็นของจอน ออสซอฟ ที่เขาได้รับการถูกซักถามแต่เพียงผู้เดียว แถมยังมีโอกาสได้โจมตีวุฒิสมาชิกเปอร์ดิวคู่แข่งตลอดทั้งรายการ โดยเขากล่าวว่า “การที่วุฒิสมาชิกเปอร์ดิวไม่ยอมปรากฏตัว เพราะเกรงจะต้องตอบข้อกล่าวหาต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอรับชั่นในช่วงหกปีที่ผ่านมา แถมด้วยเรื่องที่ไม่ค่อยออกไปพบปะกับประชาชนชาวจอร์เจียมากนัก” โดยจอน ออสซอฟยังโจมตีวุฒิสมาชิกเดวิด เปอร์ดิวต่อไปอีกว่า เป็นผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์อย่างออกนอกหน้าในทุกๆเรื่อง แม้กระทั่งในเรื่องการออกมาต่อต้านด้านการให้ความช่วยเหลือเยียวคนอเมริกันที่กำลังเดือดร้อนจากโรคระบาดโควิด19 ที่กำลังหนักหนาสาหัส!!! แถมยังปรากฏอีกด้วยว่าการที่เขาถูกซักถามเดี่ยวจากคณะกรรมการโต้วาทีครั้งนี้กลายเป็นส้มหล่นลูกใหญ่เบ่อเริ่มเทิ่มของจอน ออสซอฟ เพราะการที่เขาโจมตีวุฒิสมาชิกเดวิด เปอร์ดิว ในครั้งนี้ยังถูกเก็บเอาไปถ่ายทอดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั่วทั้งสหรัฐฯ ส่วนผู้ท้าชิงของวุฒิสมาชิกเคลลี โลฟเฟลอร์ ก็คือราฟาเอล วอร์นอค คนผิวสีและเป็นผู้นำศาสนา ผู้ที่มีฝีปากอันแสนจัดจ้านและมีคารมอันแสนคมคาย อนึ่งในวุฒิสภาขณะนี้พรรครีพับลิกันมีเสียงมากกว่าพรรคเดโมแครตด้วยคะแนน 50 ต่อ 48 เสียง และหากพรรครีพับลิกันต้องการครองเสียงข้างมากจำต้องลุ้นให้ชนะอย่างน้อยหนึ่งที่นั่งเพื่อให้ได้ 51 เสียง ส่วนพรรคเดโมแครตจะต้องลุ้นให้ได้ทั้งสองที่นั่งเพื่อให้ได้ 50 ที่นั่ง และหากเกิดขึ้นจริงๆในการประชุมของวุฒิสภาทุกๆครั้ง ก็จะมีว่าที่รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่งมีหน้าที่ในกรณีที่มีการโหวตในวุฒิสภาแล้วมีคะนนเสียงของทั้งสองฝ่ายออกมาเท่ากัน ว่าที่รองประธานาธิบดีแฮร์ริสก็จะทำหน้าที่ชี้ขาดสามารถจะเอื้ออำนวยตัดสินให้พรรคเดโมแครตเป็นฝ่ายชนะได้ ดังนั้นการเลือกตั้งของวุฒิสภาในรอบสองที่รัฐจอร์เจียนี้ต้องมีการต่อสู้กันแบบเทหน้าตักอย่างแน่นอนของทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน เมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกเดินทางไปหาเสียงให้กับวุฒิสมาชิกเดวิด เปอร์ดิวและวุฒิสมาชิกเคลลี โลฟเฟลอร์ แต่เขากลับใช้เวลาส่วนใหญ่กล่าวตอกย้ำในเรื่องเก่าเดิมๆว่า “การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมามีการโกง” ถือว่าการปรากฏตัวของประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้ไม่ค่อยได้ช่วยหาเสียงเอื้ออำนวยให้กับสองวุฒิสมาชิกเท่าใดนัก โดยสัปดาห์ต่อมาคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามจากค่ายพรรคเดโมแครต ก็ได้ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ช่วยไปหาเสียง ทั้งนี้ยังถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเป็นนักการเมืองของค่ายพรรคเดโมแครตได้รับชัยชนะการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม “อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา” ได้เดินทางไปช่วยหาเสียงกับสองนักการเมืองเมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้และยังได้ช่วยสนับสนุนโฆษณาทางโทรทัศน์ และ “ว่าที่รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส” ก็ได้เดินทางไปช่วยหาเสียงให้แก่สองนักการเมืองของพรรคเดโมแครตเมื่อวันจันทร์ที่ 21 ธันวาคมนี้ โดยมีแกนนำของพรรคเดโมแครตอีกหลายๆท่านต่างก็ทะยอยออกไปช่วยหาเสียงสนับสนุนอีกด้วยเช่นกัน กระนั้นก็ตามหากวุฒิสมาชิกคนใดคนหนึ่งของพรรครีพับลิกันได้รับชัยชนะ ก็จะคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภา และคงจะสร้างปัญหาในการบริหารบ้านเมืองให้กับการรับรองคณะรัฐมนตรีของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะพวกเขาคงจะพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะขัดขวางไม่ยอมให้คณะรัฐมนตรีของโจ ไบเดนผ่านการพิจารณาคัดกรองไปได้อย่างง่ายดาย อนึ่งการแข่งขันเลือกตั้งต่างๆในสหรัฐฯนั้น เม็ดเงินถือเป็นอาวุธสำคัญที่สุด และการเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯในครั้งนี้การที่โจ ไบเดนได้รับชัยชนะ ปัจจัยหลักๆที่มีส่วนผลักดันให้ก็คือ เม็ดเงินที่ได้รับบริจาคมีมากกว่าประธานาธิบดีทรัมป์ และจากการเปิดเผยของเวปไซด์ “Intelligencer” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนิวยอร์กไทมส์แม็กกาซีน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมานี้ว่าค่ายพรรคเดโมแครตมีเม็ดเงินที่สามารถนำออกมาใช้ทุ่มทุนหาเสียงถึง 131 ล้านเหรียญ ขณะที่ค่ายพรรครีพับลิกันมีทุนอยู่ที่ 86 ล้านเหรียญเท่านั้น ทั้งนี้หากวุฒิสมาชิกทั้งสองท่านของพรรครีพับลิกันพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ก็ย่อมจะทำให้ค่ายพรรคเดโมแครตของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้เปรียบสูงกว่า โดยเฉพาะช่วงของการกลั่นกรองคณะรัฐมนตรีที่จะต้องนำให้วุฒิสภาพิจารณา และหากว่ามิได้เป็นดั่งใจหมายค่ายพรรคเดโมแครตไม่สามารถเอาชนะการแข่งขันทั้งสองที่นั่งได้ การบริหารประเทศของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนคงจะไม่ราบรื่นคงจะต้องเกิดการขัดแข้งขัดขาให้สะดุดอยู่ตลอดเวลา!!! ในอดีตที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามาทำงานได้อย่างลื่นไหลในสองปีแรก ที่เขาสามารถสร้างผลงานได้อย่างมากมาย สืบเนื่องมาจากพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส นั่นเอง อนึ่งจากการหยั่งเสียงของโพลต่างๆขณะนี้คะแนนนิยมของทั้งสองค่ายกำลังสูสีคู่คี่กันอยู่ กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นขณะนี้ถนนทุกสายกำลังมุ่งไปที่รัฐจอร์เจียโดยจะเป็นการชี้ชะตากรรมของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพราะหากว่าวุฒิสมาชิกคนใดคนหนึ่งของพรรครีพับลิกันสามารถรับชัยชนะการเลือกตั้งที่รัฐจอร์เจียเพียงแค่ที่นั่งเดียว พรรครึพับลิกันก็จะครองเสียงข้างมาก และ มิชท์ แมคคอนเนล ผู้นำผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในวุฒิสภาก็คงจะวางตัวเป็นจระเข้คอยขวางคลองและคอยเป็นก้างคอยขวางคอสกัดกั้นนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนทุกๆวิถีทาง แต่ในทางกลับกันหากค่ายพรรคเดโมแครตเกิดโชคดีชนะการเลือกตั้งทั้งสองที่นั่งที่รัฐจอร์เจียก็แสนจะโชคดีทำให้ ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน หายใจคล่องคอสามารถบริหารประเทศได้ราบรื่นอย่างน้อยสองปีแรกจนกว่าจะมีการเลือกตั้งกลางสมัยในวันที่ 8 พฤศจิกายนปี 2022 โดยวุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกันจะต้องลงแข่งขันถึง 22 คนแต่วุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครตจะลงเลือกตั้งเพียง 12 คนและจะมีการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนฯทั้งหมด 435 คน อีกด้วยละครับ