เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.63 เวลา 18.59 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง ไปยังที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ในการพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล แก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2561 และพระราชทานรางวัลแก่ผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2561 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อมผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนข้าราชการและประชาชน เฝ้าฯ รับเสด็จ เมื่อเสด็จถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จเข้าภายในหอประชุมที่ทำการองค์กรบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลถวายรายงาน และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลเบิกคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีผลการปฏิบัติงานดีเด่น เข้าเฝ้าฯรับพระราชทานเกียรติคุณและเงินรางวัล จำนวน 6 ราย และอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น เข้าเฝ้าฯรับพระราชทานโล่เกียรติคุณ จำนวน 25 ราย และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กราบบังคมทูลถวายรายงาน และกราบบังคมทูลเบิกผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ เข้าเฝ้าฯรับพระราชทานรางวัล จำนวน 29 ราย การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะกรรมการอิสลามและแทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ความว่า “ข้าพเจ้า และพระราชินีมีความยินดี ที่ได้มามอบโล่เกียรติคุณและรางวัลแก่กรรมการอิสลามประจำจังหวัดและอิหม่าม กับมอบรางวัลแก่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดภาคใต้ในวันนี้ ขอแสดงความชื่นชมกับทุกท่าน ทุกโรงเรียน ที่ได้รับเกียรติ และรางวัลอันเป็นผลจากการปฏิบัติงานดีเด่น ทั้งขอชมเชยกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการที่ส่งสริมสนับสนุนงานของกรรมการอิสลาม และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามด้วยดีตลอดมา กรรมการอิสลามประจำจังหวัดและอิหม่าม กับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามนั้น กล่าวได้ว่า มีบทบาทและหน้าที่อย่างสำคัญในการสร้างเสริมความดีความเจริญให้แก่บุคคลและสังคมส่วนรวม เพราะบุคคลที่ได้รับการแนะนำสั่งสอนให้เข้าใจหลักธรรมของศาสนาอย่างถูกต้อง และได้รับการศึกษาอบรมให้มีความรู้ในหลักวิชาอย่างกว้างขวาง ย่อมสามารถดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพการงาน สร้างสรรค์ความเจริญมั่นคงให้แก่ตนเอง แก่ท้องถิ่น และแก่ประเทศชาติได้แท้จริง จึงขอแสดงความชื่นชมกับกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและอิหม่ามที่ได้อุตสาหะปฏิบัติหน้าที่แนะนำสั่งสอนอิสลามิกชน ให้เข้าใจหลักธรรมของศาสนาอย่างชัดเจนถูกต้อง รวมทั้งโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ที่ได้ปรับปรุงพัฒนางานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จนมีผลงานการศึกษาที่ดีมีคุณภาพเป็นที่ประจักษ์ หวังว่าทุกท่านจะภูมิใจยินดีในผลงานที่ได้ปฏิบัติมา และร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่อันทรงคุณค่านี้ต่อไป ให้ยิ่งเข้มแข็งหนักแน่นโดยมุ่งถึงประโยชน์สุข และความเจริญมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน เป็นเป้าหมายที่พึงประสงค์ ขออำนวยพรให้ทุกท่าน ที่มาประชุมพร้อมกัน ณ ที่นี้ มีกำลังกาย กำลังใจ กำลังปัญญาเข้มแข็งสมบูรณ์ สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้บรรลุผลเลิศได้ทุกด้าน และให้ประสบความสุขสวัสดีทุกเมื่อไป” นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2504 เป็นต้นมากระทรวงศึกษาธิการ ได้พัฒนาโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งขณะนั้นยังคงสภาพป็นปอเนาะแบบดั้งเดิม ต่อมาเมื่อแปรสภาพเป็นโรงเรียน จึงได้รับการส่งเสริม สนับสนุน และอุดหนุนทั้งด้านวิชาการ อาคารสถานที่ สื่อการเรียนการสอน ตลอดมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดตั้งกองทุนวิทยาคารสงเคระห์ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ยืมไปก่อสร้างอาคารเรียน โดยไม่เสียดอกเบี้ย จัดส่งข้ารการครูไปช่วยสอนวิชาสามัญในโรงเรียนเอกชน สอนศาสนาอิสลาม พัฒนาผู้บริหารโรงเรียนและครผู้สอนในด้านการบริหารจัดการ การจัดการเรียนการสอน และพัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเนื่องตลอดมา เพื่อพัฒนาศักยภาพ และยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังได้สร้างแรงจูงใจแก่ผู้บริหารโรงเรียน ครู และนักเรียน โดยได้คัดเลือกโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครู และนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ที่มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษาเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งส่งผลให้โรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครู และนักเรียนได้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ออกห้องประชุมองค์กานบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวางพานพุ่ม พวงมาลัย จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ และทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าฯรับเสด็จ พร้อมทรงมีพระราชปฎิสันถาร ทรงขอบใจราษฎรที่มาเฝ้าฯรับเสด็จอย่างใกล้ชิด นำมาซึ่งความปลาบปลื้มปิติอย่างหาที่สุดมิได้ ได้เวลาอันสมควร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จฯไปยังท่าอากาศยานทหาร ดอนเมือง แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ กลับ ที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต