เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.63 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) โดย น.ส.ทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในฐานะผู้ให้เช่า ได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ กับ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ โดยนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ในฐานะผู้เช่า เป็นผู้ลงนามในสัญญาเช่า พร้อมด้วยพยานจากทั้งสองฝ่ายคือ พล.ร.อ.วศินสรรพ์ จันทวรินทร์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ และนายชรินทร์ โซนี่ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) เพื่อประกอบกิจการงานระบบประปาและบำบัดน้ำเสีย สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โดยในงานลงนามสัญญาเช่าฯ มีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องให้เกียรติเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดยโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ตั้งอยู่ในเขตส่งเสริม : เมืองการบินภาคตะวันออก เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในโครงการอีอีซี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นการพัฒนาเพื่อรองรับการขนส่งทางอากาศ การขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า และกิจการเชิงพาณิชย์ ตลอดจนส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและ Logistic & Aviation Hub และการเป็นศูนย์กลาง “มหานครการบินภาคตะวันออก”ที่มีความสำคัญ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีการจัดการระบบสาธารณูปโภคที่มีมาตรฐานและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความทันสมัยระดับสากล ทั้งนี้ ระบบการบริหารจัดการน้ำสำหรับพื้นที่โครงการเป็นอีกหนึ่งในระบบสาธารณูปโภคที่ได้ดำเนินการ โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาสนามบินให้มีความสัมพันธ์เป็นมิตรกับชุมชน ส่งเสริมสุขภาวะของประชาชน สภาพแวดล้อม และระบบนิเวศ ตามหลักการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน น.ส.ทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเปิดเผยว่า โครงการพัฒนาสนามบินและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นโครงการเอกชนร่วมลงทุน หรือ PPP ที่ได้มีการลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563โดยสัญญาร่วมลงทุนได้กำหนดไว้ให้คู่สัญญาฝ่ายรัฐเป็นผู้จัดหาสาธารณูปโภคประปาและระบบบำบัดน้ำเสียที่ต้องใช้ในพื้นที่โครงการ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล เนื่องจากสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยและเป็นศูนย์กลางด้านการบินในอนาคต ทั้งนี้กองทัพเรือและ สกพอ.เล็งเห็นความสำคัญของการใช้น้ำอย่างประหยัดภายในพื้นที่โครงการ จึงได้กำหนดให้มีขอบเขตของการนำน้ำกลับมารีไซเคิล ระบุในเอกสารการคัดเลือกผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบกิจการสาธารณูปโภคนอกเหนือจากงานระบบประปาและบำบัดน้ำเสีย โดย สกพอ.มอบหมายให้กองทัพเรือในฐานะหน่วยงานร่วมเจ้าของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกและหน่วยงานที่ใช้ประโยชน์พื้นที่อยู่เดิม ดำเนินการคัดเลือก โดย บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้เช่าที่ราชพัสดุในเขตส่งเสริมฯ พื้นที่ 35 ไร่ เพื่อประกอบกิจการด้านงานระบบประปา ระบบน้ำเสีย ระบบการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่หรือน้ำรีไซเคิล ตลอดระยะเวลาสัญญา 29 ปี 6 เดือน ซึ่งเป็นโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจร สร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำ ในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทย มีขีดความสามารถในการแข่งขันในฐานะประตูเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า วันนี้ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญ มีการลงนามเช่าที่ดินราชพัสดุร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อเดินหน้าโครงการบริหารจัดการน้ำครบวงจรทั้งระบบ ซึ่งจะรองรับการใช้น้ำที่เกิดจากการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออกได้เป็นอย่างดีด้วยศักยภาพและความเชี่ยวชาญของอีสท์ วอเตอร์ พร้อมก้าวสู่การเป็น Total Water Solutions จะช่วยสร้างเสถียรภาพความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อรองรับการเติบโตของทุกภาคส่วนตามนโยบายโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ อีอีซี ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ อีสท์ วอเตอร์ มีแนวคิดในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา โดยมีระบบท่อส่งน้ำดิบหนองปลาไหล–ดอกกราย–มาบตาพุด–สัตหีบ สามารถส่งจ่ายน้ำดิบได้มากถึง 318 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือประมาณ 0.87 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน อีกทั้งได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมการวางท่อส่งน้ำมาบตาพุด–สัตหีบ เส้นที่ 2 เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต เพิ่มศักยภาพการส่งจ่ายน้ำดิบในอีก 10 ปีถัดไป ได้อย่างเพียงพอยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อีสท์ วอเตอร์ มีการออกแบบระบบผลิตน้ำประปา ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขนาดกำลังการผลิต 20,000 ลบ.ม. ต่อวัน ซึ่งเป็นการผลิตน้ำประปาที่สะอาดมีคุณภาพระดับสากล ลดการใช้พื้นที่ติดตั้ง มีกำลังการผลิตได้ตามความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น ออกแบบระบบบำบัดน้ำเสียให้เหมาะกับโครงการที่เป็นการพัฒนาพื้นที่ในระยะยาว รองรับน้ำเสีย 16,000 ลบ.ม. ต่อวัน เป็นการบริหารจัดการน้ำเสียที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบสนามบิน โดยทางอีสท์ วอเตอร์ สกพอ. และกองทัพเรือ ให้ความสำคัญกับเรื่องของการบริหารจัดการน้ำเสียในพื้นที่สนามบินฯ เป็นอย่างมาก เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชนและชุมชนโดยรอบสนามบิน ควบคู่กับ “การสร้างความยั่งยืนในระบบนิเวศ สร้างระบบน้ำรีไซเคิลกำลังการผลิต 5,000 ลบ.ม. ต่อวัน โดยนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในระบบทำความเย็นกลาง เน้นย้ำให้เห็นถึงการเป็นผู้นำในด้านการบริหารจัดการน้ำครบวงจร และใส่ใจในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง ซึ่งอีสท์ วอเตอร์ จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร สร้างความมั่นคงและเสถียรภาพด้านน้ำ รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนของโครงการอีอีซี ในอนาคต”