TFG เสนอขายหุ้นกู้ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน อายุ 3 ปี มูลค่ารวม 1 พันล้านบาทให้กับผู้ลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ 23-25 พ.ย.63 ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น สามารถขายได้ครบทั้งจำนวน สะท้อนความเชื่อมั่นที่ผู้ลงทุนสถาบันมีต่อบริษัท "วินัย เตียวสมบูรณ์กิจ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระบุนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจสร้างรายได้เพิ่ม พร้อมเดินหน้าควบคุมต้นทุน เพื่อสนับสนุนการทำกำไรให้ดีขึ้นต่อเนื่อง ประเมินความต้องการบริโภคสุกรและไก่เพิ่มขึ้น ผลักดันผลงานปีนี้โตเข้าเป้าหมาย นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)หรือ TFG เปิดเผยว่า บริษัทได้เสนอขายหุ้นกู้ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.50% ต่อปีตลอดอายุหุ้นกู้ โดยเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 23-25 พ.ย.63 ผลปรากฎว่าได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่อย่างคึกคัก สะท้อนความเชื่อที่มีต่อบริษัทได้เป็นอย่างดี ขณะที่บริษัททริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ดังกล่าวที่ระดับ "BBB-" แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" "การที่หุ้นกู้ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า ผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของบริษัทจะสามารถผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ ซึ่งจะช่วยกระจายแหล่งที่มาของรายได้เพิ่มในอนาคต" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2563 ประเมินว่ายังอยู่ในทิศทางที่ดี เนื่องจากการที่ปริมาณสุกรในจีน และเวียดนามลดลงจากโรคระบาดอหิวาต์สุกร( ASF) ทำให้ราคาขายสุกรยืนได้ในระดับสูง รวมทั้งมีการหันมาบริโภคไก่มากขึ้น ประเมินว่าสถานการณ์แบบนี้น่าจะยังคงมีให้เห็นไปอีก 1-2 ปี ดังนั้นน่าจะทำให้ปริมาณการส่งออกเนื้อสัตว์เติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดยุโรปและจีน ยังมีทิศทางทีดีเช่นกัน ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเน้นการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนให้ประสิทธิภาพการทำกำไรดีขึ้นต่อเนื่อง ช่วยผลักดันผลงานปี 2563 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน อนึ่งผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,312 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 23,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 21,647 ล้านบาท ส่วนงวดไตรมาส 3/2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 589.46 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 8,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่เท่ากับ 7,534 ล้านบาท