นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/63 จะปรับตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3/63 และคาดว่าภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้จะขยายตัวติดลบน้อยกว่าที่คาดการณ์ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่ได้ผลักดันออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังทยอยเห็นผล ทั้งโครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงโครงการช้อปดีมีคืนที่จะส่งผลดีกับเศรษฐกิจในระยะต่อไป ขณะที่การส่งออกก็มีทิศทางดีขึ้นเช่นกัน โดยขณะนี้ภาพเศรษฐกิจในไตรมาส 4/63 ออกมาแล้ว 80-90% แต่ยังเหลือปัจจัยสำคัญอย่างภาพรวมทั้งหมดของภาคการอุตสาหกรรมการผลิต ภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการจัดงานมหกรรมเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อต่างๆเช่น มอเตอร์เอ็กซ์โปว่าจะมีผลดีกับภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงสุดท้ายของปีแค่ไหน สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน ต.ค.63 มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังคงอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวม โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจต่างๆปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายปี ทั้งนี้การบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ติดลบ 9.4% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ชะลอตัวลง และปัจจัยฐานสูงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนโครงการกระตุ้นการบริโภคของรัฐอย่าง โครงการคนละครึ่งนั้น คาดว่าจะส่งผลดีกับภาพรวมการบริโภคในเดือนถัดไป ขณะที่การบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง ติดลบ 25.9% และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ติดลบ 11% ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 50.9 เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตัวลดลง รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 รวมถึงการออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงปลายปี และราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น ทำให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้มากขึ้น โดยรายได้เกษตรกรที่แท้จริงในเดือน ต.ค.ขยายตัว 12.6% ขณะเดียวกันภาพรวมการลงทุนของภาคเอกชนส่งสัญญาณส่งทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ขยายตัว 10.4% ต่อปี โดยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน ติดลบ 17% ส่วนการค้าระหว่างประเทศชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ติดลบ 6.7% จากการลดลงของการส่งออกสินค้าสำคัญ อาทิ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แต่เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทยพบว่า การส่งออกไปอาเซียน 9 ประเทศ ติดลบ 23.1% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐ ขยายตัว 17% และทวีปออสเตรเลีย ขยายตัว 4.2% สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน มาอยู่ที่ระดับ 86 เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าคงทน ส่งผลให้ภาคการผลิตมีการฟื้นตัวตามอุปสงค์ในประเทศ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านการท่องเที่ยวและการบริโภค สนับสนุนให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าและรายได้ของผู้ประกอบการ ส่วนการท่องเที่ยวพบว่า ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa) กลุ่มแรกได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ จำนวน 1.2 พันคน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวจีน กัมพูชา และประเทศอื่นๆในอาเซียน และบางส่วนเป็นนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางและยุโรป