จากกรณีที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ออกระบุถึงอดีตเอกอัครราชทูต ที่ได้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองซึ่งอาจเป็นผลลบต่อรัฐบาล ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดวันที่ 26 พ.ย.63 นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจทูตนอกแถว และอดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า..พอดีมีรัฐมนตรีท่านหนึ่งพยายามจะมาสอนบอกให้ผมต้องทำตัวอย่างไร ก็ขอบคุณนะครับ แต่ผมมีข้อสงสัยดังนี้ ท่านอยู่มาหกปีมีผลงานอะไรที่พอเชิดหน้าชูตาในเวทีโลกกับเขาได้บ้างครับ? เลือกตั้งที่นั่งให้ไทยในสหประชาชาติ ก็พ่ายเขาแบบหูรูดหมดท่า ทำเสียเกียรติประวัติ เกียรติภูมิประเทศ ผลาญงบประมาณประเทศไม่รู้เท่าไหร่ แต่ก็แน่ล่ะ ถามหาความรับผิดชอบอะไรกลับไม่มีสักอย่าง แบบนี้หรือครับที่จะมาสอนคนอื่น? หนักที่สุดก็เรื่องให้ข่าวว่าอเมริกาเขามาบอกล่วงหน้าว่าเขาจะโจมตีใคร ทำให้ประเทศเรากลายเป็นตัวตลกไปทั่วโลก ถ้าเป็นญี่ปุ่น เรื่องแบบนี้เขาคงไม่มาแค่ขอโทษหรือลาออกหรอก น่าอับอายระดับนี้ ผมว่าเขาคงต้องคว้านท้องฆ่าตัวตายไปนานแล้วล่ะ ทุกวันนี้ผมก็สงสัยและอยากรู้ว่าท่านมองหน้ารัฐมนตรีอาเซียน และของประเทศอื่นๆในโลกได้อย่างไร? ถามจริงๆ ไม่ได้รู้สึกอายอะไรบ้างสักนิดเลยหรือครับ ? ที่ไหนๆในโลกพอเกษียณหรือพ้นจากตำแหน่งแล้ว เขาก็เอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังเพื่อประโยชน์ของสังคม อันเป็นเรื่องปกติ ทำกันตั้งแต่ระดับอดีตประธานาธิบดี ไปจนถึงนักการทูต ทหาร สาขาอาชีพต่างๆ ไม่ทราบว่าเหตุใดเรื่องปกติแบบนี้ท่านถึงไม่ทราบครับ ? สิ่งที่ผมเขียนในเพจก็เป็นแค่ความเห็นและประสบการณ์ทั่วไปในการทำงานของผม ตรงไหนหรือครับที่เป็นความลับของราชการ? ไม่ทราบท่านอ่านอย่างไรครับ? ท่านคงไม่เข้าใจเรื่องสิทธิพื้นฐานของประชาชน ว่าเขามีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะแสดงความคิดเห็นได้ในกรอบกฎหมาย และการบอกว่าให้หน่วยงานความมั่นคงไปเที่ยวติดตามคนที่เขาแสดงเห็นตามสิทธิได้ นี่ไม่ทราบว่าได้ทราบหรือไม่ว่ามันเข้าข่ายการละเมิดสิทธิพื้นฐานและเป็นการคุกคามประชาชนอย่างหนึ่ง ซึ่งมันผิดนะครับ ท่านทราบหรือไม่ว่าถ้าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว คนระดับนี้พูดแบบนี้ อาจต้องพ้นจากตำแหน่งเลยนะครับ? ขณะที่โลกเขาจับตามองอยู่ ท่านทราบไหมว่ากำลังทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายเข้าไปอีก? ผมก็ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง อยู่ไทยไปนาน ๆ จะได้เห็นภาพใหญ่ที่มีความชัดเจนขึ้นและจะมีทัศนคติที่ตรงกับความเป็นจริงว่าประชาส่วนใหญ่ของประเทศเขาคิดกันอย่างไร และสุดท้ายนี้ขอเรียนด้วยความจริงใจว่า ก่อนที่จะไปแนะให้ใครทำอะไรอาจเริ่มต้นจากตัวเองเสียก่อน เช่น ไม่ควรเอาข้อมูลอะไรที่ทำให้สังคมเข้าใจผิดมาพูด จะดีกว่าไหมครับ? ด้วยรักและห่วงใยนะครับ เป็นที่น่าสังเกตรูปที่นายรัศมิ์ นำมาประกอบโพสต์นั้น เป็นรูปที่เหมือนตัวเขานั่งใช้มือท้าวคาง แต่ที่แปลกคือใช้นิ้วกลางแตะตรงแก้ม ขณะที่คนทั่วไปหากนั่งท่านี้มักจะใช้นิ้วชี้.